- 08 พ.ย. 2561
นอนคุก! ด่วน "ศาลอุตรดิตถ์" ไม่ให้ประกันตัว 2ผู้ต้องหาโกงข้าวกล่อง พร้อมพ่วงคดียาเสพติด!
จากกรณี แม่ค้าวัย 42 ปี ชาวอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยคนงานจำนวนหนึ่ง อยู่ในอาการเครียด พร้อมร้องเรียนว่าถูกหลอกให้ทำอาหารและน้ำดื่มส่งโรงงาน สูญเงินลงทุนไปเกือบ 1 ล้านบาท โดยมีข้าวกล่องจำนวน 1 หมื่นกล่อง กองเรียงรายอยู่ พร้อมอุปกรณ์ทำครัวจำนวนมาก
โดยผู้เสียหายได้ทำสัญญาสัมปทานทำอาหารและน้ำดื่มกับบริษัทแห่งหนึ่ง ให้ส่งข้าวกล่องและน้ำดื่มให้กับโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก มีระยะเวลาสัญญาจ้าง 5 ปี ให้ทำข้าวกล่องส่งวันจันทร์ - ศุกร์ วันละ 1 หมื่นกล่อง น้ำดื่มบรรจุขวดส่งวันเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 1 หมื่นขวด และไข่ต้ม ส่งวันจันทร์และวันศุกร์ วันละ 3 หมื่นฟอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
จากนั้น ตนได้ทำสัญญาและเสียเงินค่าทำสัมปทาน รวมทั้งค่าขวดบรรจุน้ำดื่ม รวม 106,000 บาท ทั้งยังลงทุนซื้ออุปกรณ์ทำอาหารและน้ำดื่มเกือบ 1 ล้านบาท โดยต้องนำรถเข้าไฟแนนซ์เพื่อนำเงินมาลงทุน แต่ปรากฏว่าน้ำดื่มที่ทำส่งในวันแรก (3 พฤศจิกายน) ผู้ว่าจ้างมารับไปแล้วนำกลับมาส่งคืน อ้างว่าไม่ผ่านมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งต้องเสียค่าปรับ 150,000 บาท แต่ให้ทำน้ำดื่มไปส่งในวันที่ 4 พฤศจิกายน เพื่อเป็นการหักลบกับค่าปรับ
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น พนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ร่วมกันสอบปากคำ นางธนิตา จันทร์อิ่ม ขณะที่ผู้เสียหายอีกรายคือ น.ส.นภัสวรรณ ยิ้มเจริญ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 275 หมู่ที่ 3 ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายอัครเดช ยิ้มเจริญ อายุ 53 ปี แต่ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังถูกว่าจ้างให้ทำข้าวกล่องมาแล้วเช่นกัน ตอนนั้นทำ 20,000 กล่อง แต่หลังทำข้าวเสร็จผู้สั่งทั้ง 2 คน บอกว่าข้าวไม่ดีข้าวไม่ได้มาตรฐานและจะทำการปรับเป็นเงิน 350,000 บาท เท่ากับจำนวนข้าวกล่องๆละ 35 บาท ซึ่งตอนนั้นถูกปรับไปเป็นเงิน 700,000 บาท โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีให้ ทำให้พ่อเครียดจนเสียชีวิตจากเส้นเลือดอุดตัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พญาแมน ได้ควบคุมตัว น.ส.ธนิตา ไปตรวจค้นบ้านพัก ในตำบลพญาแมน เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้ตำรวจอีกชุดยังได้ลงพื้นที่โรงงานดังกล่าว พบว่าไม่มีการทำสัมปทานอาหารกล่องแต่อย่างใด ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แต่ทั้งสองยังคงให้การปฏิเสธและจะขอให้การในชั้นศาล โดยตำรวจได้ขอร้องให้ผู้เสียหายรายอื่นเข้าแจ้งความเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดกับผู้ต้องหา
รายงานข่าวแจ้งว่า นางธนิตา จันทร์อิ่ม อยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเนื่องจากมีคดีทั้งหมด 10 คดี ทั้งยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสาร ฉ้อโกงทรัพย์ ครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย ตั้งแต่ปี 2546-2559 สำหรับคดียาเสพติด ศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท ในวันที่ 12 พ.ย.2561 จะต้องไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วน น.ส.กัญจ์หทัย สุขใส ผู้ทำสัญญารับทำอาหารกล่องและน้ำดื่มส่งโรงงาน ได้เดินทางมารายงานตัวภายหลังถูกออกหมายเรียก ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คนจะถูกควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ภายในวันนี้
โดยล่าสุดเมื่อช่วยเย็นที่ผ่านมา ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ไม่อนุญาตให้ นางกัญจ์หทัย สุกใส อายุ 41 ปี และนางธนิตา จันทร์อิ่ม อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ว่าจ้างให้นางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี และ นางจอก นุชศรี อายุ 60 ปี สองแม่ลูก ทำข้าวกล่อง โดยเห็นพ้องด้วยกับคำขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวเข้าเรือนจำทันที
นอกจากนี้ นางธนิตา ซึ่งศาลอุทธรณ์ ภาค 6 พิพากษาในคดียาเสพติด จำคุก 1 ปี ปรับ 2 แสน โดยไม่รอลงอาญา
สำหรับผู้ต้องหาทั้งสองรายนั้น ได้ก่อคดีต่างไว้มากมาย โดยเฉพาะรายของ คนชื่ออิ๋ว เเละก็ได้โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตั้วได้เเล้ว ทั้ง2 ราย คือ นางกัญจ์หทัย สุขใส หรือป้าง และ น.ส.ธนิตา จันทร์อิ่ม หรืออิ๋ว หลังจากที่ นายเจษฎา ลิ้มศรีตระกูล นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ พร้อมกับ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เเละ สภ.พญาเเมน ก็ได้ทำการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว เเละขยายผลไปยังกลุ่มผู้ว่าจ้าง
ในส่วนของเรื่องราวเบื้องลึกเพิ่มเติม ของ ก๊วนข้าวกล่องลวงโลกนั้น ด้าน น.ส.ติ๋ว (นามสมมติ) เพื่อนของ นางธนิสร กุยแก้ว จิ๋ม เปิดเผยว่า ตนเริ่มสงสัยพฤติกรรมของนางกัญจ์หทัย สุขใส หรือ ป้าง ผู้ว่าจ้าง ตั้งแต่ไม่ส่งขวดเพื่อบรรจุน้ำให้นางธนิสร ทำให้ต้องบรรจุน้ำใส่ถุงเพื่อใช้แทนขวด ซึ่งตนตั้งข้อสงสัยว่า หากเป็นคำสั่งซื้อข้าวจากบริษัทใหญ่ เหตุใดจึงไม่มีการเตรียมพร้อม
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday