- 10 พ.ย. 2561
เอาแล้วๆ ดร.ธงทองออกโรงเอง ! ยื่นบัญชีทรัพย์สินลามพระสังฆราช-พระเถระผู้ใหญ่ ชี้เป็นระเบิดเวลา?
จากกรณีกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรรมการสภามหาวิทยาลัยต่างๆเตรียมยื่นลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่พอใจประกาศป.ป.ช.ที่กำหนดให้ตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน แจ้งว่า เรื่อง "กำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน" ที่มีปัญหากันอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะตำแหน่งที่ข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องจะต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินขยายวงกว้างมากขึ้นจากเดิม
“ตอนนี้นายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งกำลังทยอยจะลาออก โดยในที่ประชุม ครม.มีการถกกัน และตอนหนึ่งมีการยกตัวอย่างว่า หากตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จะรวมถึงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชด้วย เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยสงฆ์ ดังนั้นจะต้องส่งตัวแทนรัฐบาลไปพูดคุยกับ ป.ป.ช. โดยนายกฯมอบหมายอย่างไม่เป็นทางการให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปหารือกับ ป.ป.ช.เพื่อหาทางออกเรื่องนี้ว่า จะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร”
ล่าสุดศาสตราจารย์ (พิเศษ) ธงทอง จันทรางศุ ในฐานะกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหามกุฎราชวิทยาลัย ได้ออกมากล่าวด้วย ตนเชื่อจะมีความกังวลเกิดขึ้น ของคนที่ทำหน้าที่ในสภามหาวิทยาลัยต่างๆ เพราะโดยปกติกรรมการสภามหาวิทยาลัย จะทำหน้าที่พิจารณานโยบายและทิศทางการทำงาน ตลอดจนอำนาจหน้าที่ที่กฏหมายกำหนดไว้ เช่น อนุมัติปริญญา อนุมัติหลักสูตร พิจารณาตำแหน่งวิชาการ และจะมีการประชุมตามกำหนดวันนัดหมายเดือนละ 1 ครั้ง การทำงานจะมีคณะอนุกรรมการไปพิจารณากลั่นกรองความเห็นให้รอบคอบก่อนแล้วส่งวาระให้ที่ประชุมสภาฯพิจารณา
“สภามหาวิทยาลัย ไม่มีใครตัดสินใจคนเดียวได้ ต้องให้ความคิดความเห็นร่วมกัน กว่าจะได้ความเห็นสุดท้ายว่าควรจะทำอย่างไร ก็ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ คงไม่มีใครมีอิทธิพลพอที่จะครอบงำให้สภามหาวิทยาลัยตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดไปได้ การวางมาตรการอย่างเดียวกันของผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานซึ่งมีความรับผิดชอบไม่เหมือนกัน ทำสิ่งที่ไม่เหมือนกันให้เหมือนกัน ก็จะมีคำถามถึงความพอเหมาะพอควรว่าอยู่ที่ไหนอย่างไร ตนคิดว่าเรื่องนี้ ทาง ป.ป.ช.ก็คงจะรู้แล้วและกำลังตรึกตรอง ซึ่งตนก็จะรอฟัง ก็เหมือนเป็นระเบิดเวลา เพราะ ป.ป.ช.ประกาศ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ภายใน 30 วันนั้นก็จะครบกำหนดในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ แล้ว
วันที่ 29 พ.ย.นี้ สภามหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ จะมีการประชุมกันเพื่อหารือกัน ผมก็จะไปร่วมประชุมด้วย หากที่ประชุมเห็นว่าไม่ชอบมาพากล หรือมีภาระหน้าที่ มีการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติเกิดขึ้น ผมก็จะตรึกตรองดูอีกทีว่าจะทำอย่างไร ขณะนี้ยังพอมีเวลาคิดอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งผมก็เข้าใจคนที่อยู่นอกวงราชการ หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัย หลายท่าน คงไม่ได้เกรงกลัวการตรวจสอบ แต่กลัวเรื่องความพอเหมะพอสม เพราะช่วงที่ผมเป็นปลัดสำนักนายกฯ ถูกให้แสดงบัญชีแล้วเขาก็นำข้อมูลไปเก็บไว้ แต่ตามประกาศใหม่นี้ จะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ ใครเข้าไปดูก็ได้ ผมอยู่ภาคราชการยังถือว่าคุ้นเคย เพราะเคยแสดงบัญชีมาหลายรอบแล้ว ก็ยังต้องทบทวนว่ามีอะไรบ้าง ไม่มีอะไรบ้างไล่ตามบัญชี”
นอกจากนี้ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร. ธงทอง ยังกล่าวอีกว่า ส่วนสภามหามกุฏราชวิทยาลัย ทุกคนก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี โดยข้อกฏหมาย ปัจจุบันนายกสภาฯคือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และมีพระเถระผู้ใหญ่อีกหลายรูปเป็นกรรมการสภาฯ