- 13 พ.ย. 2561
แพทย์เผยผลตรวจ 3 พ่อแม่ลูกหมดสติในรถ เจอก๊าซคาร์บอนฯเจือปนเม็ดเลือด
กลายเป็นกรณีฉุกเฉินที่ต้องให้การช่วยเหลือโดยด่วน เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคงสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทราได้รับแจ้งเหตุมี รถเก๋งสีขาว 2กก 7720 พ่อแม่ลูกกำลังจะเดินทางจะพาครอบครัวไปเที่ยวที่บางแสน ซึ่งได้มุ่งหน้ามาจากพระราม 3 ไปบางแสน และหลังจากที่กู้ภัยมาถึงพบ ผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กอีก 1 คน นอนหมดสติอยู่ในรถ แต่ผู้เป็นพ่อ (คนขับรถ) อาการสลึมสลือ แต่แม่และลูกสาวหมดสติ
จากการสอบถามผู้เป็นพ่อ (คนขับรถ) บอกว่า "ขับๆมาบอกไม่ไหว ผู้หญิงก็บอกไม่ไหว ส่วนแม่มีอาการน้ำลายฟูมปาก และจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบขวดน้ำและน้ำชาเขียวจากร้านกาแฟดัง ก่อนจอดรถ รู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็นไหม้คล้ายท่อไอเสียก่อนจะมีอาการวูบหมดสติ"
ทั้งนี้ ผู้เป็นพ่อได้พยายามประคองรถจอดข้างทาง แล้วหมดสติไปทั้งสามคน บนทางด่วนบูรพาวิถี กม.39+800 ขาเข้าชลบุรี หมู่9 ต.บางวัว อ.บางปะกง จนเจ้าหน้าที่ทางด่วนบูรพาวิถี มาพบตัวแจ้งกู้ชีพเข้าช่วยเหลือ และตอนนี้ทั้งสามคนปลอดภัยแล้ว ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่อันตราย แต่โชคดีที่คนขับรถพอมีสติพอ และขับรถจอดลงไหล่ทางก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุก็เป็นไปได้ อีกทั้งยังรอผู้เป็นพ่อ (คนขับรถ) มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งนึง ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ว่ากินอะไรเข้าไป ทำให้หมดสติแบบนี้ อยู่ในการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ระทึก! เก๋งจอดแช่ข้างทาง กู้ภัยเจอ 3 พ่อแม่ลูก นอนหมดสติคารถ แม่อาการหนักน้ำลายฟูมปาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ชัดแล้ว! ตร.เผยสาเหตุ3ชีวิตพ่อแม่ลูกสลบคารถจากท่อไอเสีย ย้ำเตือนอุทาหรณ์ อัพเดทอาการล่าสุด
ล่าสุดทั้งสาม คนพ่อแม่ลูก อาการปลอดภัยแล้ว โดย นายแพทย์ธวัชชัย ศานติพัฒน์ แพทย์เวชศาสตร์ใต้น้ำ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้บอกว่า " พบสารคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) ไปจับเม็ดเลือด ทำให้เลือดไปส่งตามร่างกายไม่ได้ ทำให้ผู้ป่วยหมดสติ ตอนนี้พ่อและลูกออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่แม่ยังต้องพักฟื้นต่ออีก 1 คืน เนื่องจากมีอาการชา และจากการสอบถามคนขับได้บอกว่า ตอนขับรถใช้ความเร็วมากๆจะเริ่มมีกลิ่นคล้ายควันเข้ามาในรถ พยายามเอาไปซ่อมแล้วแต่ก็ไม่หาย จึงมีการนำไปซ่อมเองด้วยการปิดช่องระบายอากาศของรถบางส่วน ซึ่งโดยมีความเป็นไปได้ที่ท่อไอเสียรั่วบริเวณห้องเครื่อง หรือด้านหน้าตัวรถ จึงทำให้ไอเสียรถยนต์เข้ามาในห้องโดยสารระหว่างที่รถวิ่ง ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นแบบเดียวกับ กรณีที่จอดรถนอนหลับแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ แต่กรณีนี้โชคดีที่คนขับมีสติพอ และคนเข้าไปช่วยก็รวดเร็วไม่เช่นนั้นอาจจะอันตรายถึงเสียชีวิตได้"
สำหรับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นก๊าซ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นซึ่งเบากว่าอากาศ และสามารถปะปนอยู่ในอากาศได้นาน 1-2 เดือน จัดเป็นก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ และเนื่องจากเป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่น ทำให้เข้าสู่ร่างกายได้โดยที่เราไม่รู้ตัว และเมื่อก๊าซ ชนิดนี้เข้ามาสู่ร่างกาย จะทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หมดสติ เวียนศีรษะรุนแรง อาจถึงขั้นเป็นลม หัวใจเต้นเร็วขึ้นผิดปกติ หรืออย่างร้ายแรงที่สุด อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่อาจจะรอดชีวิตถ้ารีบนำผู้ป่วยออกจากบริเวณอับอากาศมาสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ หรือมีออกซิเจนเพียงพอ
ทั้งนี้ทางด้านของ นางสาวครีม เจ้าของรถ (อดีตภรรยา) ของคนขับรถ ได้เล่าว่า รถไม่ได้ติดแก๊ส แต่มีปัญหาเรื่องกลิ่นคล้ายๆควันเข้ามาในรถถ้าขับเร็วและขับนานๆ ขับแค่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เริ่มมีกลิ่นเข้ามาแล้ว แต่ที่ผ่านมาเป็นๆหายๆ ตนเองก็เคยขับแล้วมีกลิ่น แก้ปัญหาโดยการเปิดกระจกลง กลิ่นเหล่านั้นก็หายไป
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
นอกจากนี้ นายธนา จันทรักษา อาสาสมัครกู้ภัยบางปะกง ได้เล่าว่า "ตอนไปช่วยเหลือทั้งสามคน ตนได้กลิ่นคล้ายควันและสารเคมีคละคลุ้งทั้งรถ ตอนแรกก็แปลกใจ ที่รถมีกลิ่น แต่คนขับไม่ได้เปิดกระจกลง ตอนที่กู้ภัยไปพบนั้น คนขับนอนฟุบที่ ตักฝ่ายหญิง ทางกู้ภัยจึงต้องบอกให้เปิดกระจกลงเพื่อ ระบายอากาศและทำการช่วยเหลือ"
ขณะที่ พ.ต.อ.ประเสริฐ์ โตศักดิ์สิทธิ์ ผู้กำกับการ สภ. บางปะกง ได้บอกว่า "จากการตรวจสอบรถเบื้องต้น ไม่พบรอยรั่วตามจุดต่างๆ ของรถ แต่ได้ประสานผู้เชี่ยวชาญพิเศษให้เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จาการสอบปากคำเชื่อได้ว่า ไม่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายหรือวางยาใดๆทั้งสิ้น เกิดจากการสูดก๊าซเข้าไปทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น"
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
(ที่เกิดเหตุ)
ขอบคุณ คนข่าวบางปะกง