- 14 พ.ย. 2561
เห็นภาพแล้วเศร้า "ชัชชาติ" เตือนสติ อย่าตื่นเต้นรถไฟความเร็วสูง รถไฟชั้น 3 ยังมีคนนอนหน้าห้องน้ำ
เป็นเรื่องราวที่หนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจที่จะไปปั่นจักรยานที่หนองคาย เลยตัดสินใจนั่งรถไฟไปแต่ภาพที่เขาเห็นขณะเดินไปห้องน้ำก็คือ เขาพบเจอกับชาวบ้านที่นั่งเรียงรายอยู่กับพื้่นทำให้เขา คิดย้อนไปเมื่อ 30-40 ปีก่อน ที่เขาเคยเห็นภาพในรถไฟแบบนี้เช่นกัน ที่เคยไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนแล้วปูกระดาษนั่งบนรถไฟแบบนี้ แต่แค่ลองนึกย้อนกลับมา ทำไมเมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่ด้วยทางเขาเลือกที่จะมาแบบนี้เอง แต่ชาวบ้านที่นั่งกอดเข่านอนกองระเกะระกะอยู่ตามพื้น พวกเขาย่อมมีเหตุผลความจำเป็นในการเดินทาง และพวกเขาควรมีทางเลือกที่ดีกว่าเช่นที่เป็นอยู่
"ในช่วงการเดินทางสมชิกคนหนึ่งที่ไปด้วยกันนั้น ได้มีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่รถไฟ เจ้่าหน้าที่ตวาดเสียงดังจนน่าตกใจ และคิดว่า อะไรที่ทำให้การรถไฟขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จนต้องเอาภาษีของประชาชนไปช่วย แต่เจ้่าหน้าที่ยังมาทำแบบนี้ใส่ประชาชนอีก คนที่จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนของคุณ จริงๆแล้วผมก็อยากคิดว่า จิตใจพื้นฐานของคน ต้องมีจิตใจดี มีน้ำใจต่อกัน ให้บริการที่เท่าเทียมกัน เสมอภาคไม่เลือกชนชั้นวรรณะ"
(ชาวบ้านนอนหน้าห้องน้ำ)
โดยหนุ่มคนดังกล่าวได้โพสต์เรื่องราวต่างๆ เล่าเป็นประโยคยาวเหยียดในเฟซบุ๊กส่วนตัว Athikhom Khoms Khunawut โดยระบุข้อความยาวมากๆ ว่า "ผมตัดสินใจบันทึกภาพเหล่านี้ขณะเดินเข้าห้องน้ำ บนขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี มีความรู้สึกหลายอย่างผสมกัน บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอะไรบ้าง แต่หนึ่งในนั้นมีความโกรธปะปนอยู่แน่ๆ ปัญหาคือไม่รู้ว่าควรโกรธใคร แผนปั่นจักรยานไปหนองคายปีนี้ เราไม่อยากหมดเปลืองเวลากับการปั่นฝ่ากรุงเทพฯจึงตกลงกันว่าจะนั่งรถไฟไปลงโคราช ขบวนรถไฟเที่ยวที่ถึงโคราชเช้าตรู่เหมาะควรแก่การเริ่มต้นทริปก็คือขบวนที่ 141 กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ตั๋วที่ดีที่สุดในขบวนรถไฟเที่ยวนี้คือ ที่นั่งชั้นสองพัดลมซึ่งถูกกันพื้นที่ครึ่งหนึ่งของตู้ซึ่งเป็นที่นั่งชั้นสาม พูดให้เข้าใจชัดขึ้น รถไฟเที่ยวนี้ก็คือที่นั่งชั้นสามทั้งขบวน โดยกันพื้นที่ครึ่งตู้ไว้ให้ตั๋วนั่งชั้นสองที่พวกเราจับจอง"
"บางคนในคณะยอมรับว่า เพิ่งเคยเห็นภาพแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต และเชื่อว่าเพื่อนๆ รอบตัวซึ่งอยู่ในสังคมอีกสังกัดหนึ่ง ต้องไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้แน่ๆ ผมน่ะเคยเห็นมาตั้งแต่ 30-40 ปีก่อน อีกทั้งยังเคยนอนอยู่ตามข้อต่อรถไฟเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน เคยเอากระดาษปรู๊ฟปูพื้นแล้วมุดตัวลงนอนใต้ที่นั่ง เพื่อเก็บแรงสมัยทำค่ายอาสา มันจึงไม่ใช่ภาพแปลกตาชวนตระหนกตกใจ แค่รู้สึกว่า 30-40 ปีผ่านไป ใจคอจะไม่มีอะไรเปลี่ยนเชียวหรือ"
.
"อืม - อยากฟังเรื่องดีๆ บ้างใช่ไหม ไม่ใช่เอาแต่ตำหนิ ตลอด 8 วันของการเดินทางด้วยจักรยาน ผมพบว่าผู้คนรายทางส่วนใหญ่ล้วนมีน้ำจิตน้ำใจ น่ารัก อารีอารอบ โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน บางคนขับรถมาจอดดักหน้าเพื่อยื่นน้ำขวดให้พวกเราจนครบทุกคน เจ้าหน้าที่ราชการหลายแห่งกระตือรือร้นเป็นธุระหาที่หลับที่นอนให้ คุณป้าร้านแจ่วฮ้อนอนุญาตให้เรากางเต็นท์นอนในร้าน เมื่อรู้ว่ายังหาที่พักไม่ได้ เปิดห้องน้ำห้องท่าให้ใช้ด้วยสีหน้าแววตาบริสุทธิ์จริงใจเหมือนต้อนรับญาติมิตร เด็กหนุ่มหน้าร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ยกนิ้วโป้งตะโกนด้วยความสุภาพจนแปลกหูว่า - ให้กำลังใจครับพี่ (ทั้งที่เราแค่มาเที่ยว ไม่ได้ต้องการกำลังใจอะไร)
ฯลฯ"
(โพสต์หนุ่มคนดังกล่าว)
"อาจเป็นเพราะว่าจักรยานเป็นพาหนะที่กระจอกงอกง่อยที่สุดบนท้องถนน เราจึงได้รับความเอื้อเฟื้อเมตตาจากชาวบ้าน อาจเป็นเพราะความแปลก ที่คนเหล่านี้เลือกการปั่นจักรยานแบกสัมภาระพร้อมที่จะค่ำไหนนอนนั่น แล้วเรียกว่ามันว่าการท่องเที่ยวพักผ่อน ทำตัวเหมือนฝรั่งดั้งขอ หรือถ้าจะให้ดูแปลกดูน่าสงสารไปอีกขั้น คือพวกเราที่ปั่นรถนอน recumpbent นอกจากจะเรียกเสียงเฮฮาเจี๊ยวจ๊าวจากชาวบ้านได้เป็นพิเศษแล้ว ตอนที่ลุกขึ้นมาจากรถ ชาวบ้านบางคนยังสะดุ้ง อุทานว่า อ้าว เดินได้ด้วยเหรอ นึกว่าเป็นคนพิการ"
"รวมๆ แล้วพูดได้ไหมว่า พื้นฐานของการชอบช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ ใจบุญ เป็นต้นทุนอันดีที่เรามี สิ่งที่น่าแปลกใจคือ พื้นฐานความจิตใจดีนี้มักจะชนเพดานแก้วเสมอ เมื่อมันเริ่มก้าวล่วงเข้าไปถึงโครงสร้างหรือระบบเมื่อไหร่ที่ต้องถกกันเรื่องแบบนี้ เราพร้อมจะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง ขากลับเข้ากรุงเทพฯ"
"สมาชิกเราคนหนึ่งเกือบมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่รถไฟ ขณะกำลังยกรถจักรยานขึ้นตู้สัมภาระ เจ้าหน้าที่ตวาดเสียงดัง ด้วยสาเหตุบางประการที่เราวินิจฉัยว่าน่าจะเป็นความเคยชินในการวางตัว มากกว่าเรื่องเหตุผลความจำเป็น ผมนึกถึงภาพชาวบ้านที่นอนกองหน้าห้องส้วมตอนขามา สลับกับนึกถึงสิ่งที่คณะจักรยานของพวกเราได้รับน้ำใจเอื้อเฟื้อตลอดรายทาง ต่อให้ดูลำบากลำบนน่าสงสารแค่ไหน พวกเราก็เป็นแค่นักท่องเที่ยวผู้ผ่านทาง ที่เลือกแล้วว่าจะเดินทางด้วยวิธีนี้แต่ชาวบ้านที่นั่งกอดเข่านอนกองระเกะระกะอยู่ตามพื้น พวกเขาย่อมมีเหตุผลความจำเป็นในการเดินทาง และพวกเขาควรมีทางเลือกที่ดีกว่าเช่นที่เป็นอยู่"
"อะไรทำให้บุคลากรในองค์กรที่บริหารขาดทุนต่อเนื่อง ต้องเอาภาษีไปจุนเจือ แต่ยังวางท่าเขื่องกับผู้ใช้บริการราวกับเป็นฝ่ายมีบุญคุณ เรื่องทำนองนี้มีคนตำหนิต่อว่าไว้เยอะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ ผมเพียงอยากฝันหวานว่า ระหว่างการรักษาพื้นฐานจิตใจดีอารีอารอบต่อกันและกัน กับการสร้างระบบที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพมีศักดิ์ศรีเสมอหน้า เราไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้"
หลังจากภาพและโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่า ภาพพวกนี้มันทำให้การเดินทางเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่เสมอนะ จะได้เห็นเพื่อที่จะรู้สึกจริงๆ ตอนช่วงเทศกาลมีหนักกว่านี้อีก ความมักง่ายของรฟท.และความมักง่ายของขบวนรถไฟ เป็นเรื่องธรรมดาครับที่ปัญหาแบบนี้จะยังคงอยู่แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปี เพราะ รมต. คมนาคมหรือผู้บริหาร รฟท. เค้าคงไม่ใช้บริการตู้รถไฟชั้น 3 แน่ๆ เรื่องแบบนี้เค้าจินตนาการไปไม่ถึงหรอกครับ
(คอมเม้นต์แสดงความคิดเห็น)
(คอมเม้นต์แสดงความคิดเห็น)
(คอมเม้นต์แสดงความคิดเห็น)
นอกจากนี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ได้แชร์บทความจาก คุณอธิคม คุณาวุฒิ จากเฟซบุ๊ก Athikhom Khoms Khunawut ที่ได้พบเจอภาพคนนอนหน้าห้องน้ำและตามพื้นของรถไฟ แะลนายชัชชาติ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ได้เห็นข่าวการประมูลรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่เชื่อมสามสนามบินมูลค่านับแสนล้านบาท และได้เห็นภาพจาก facebook ของคุณ Athikhom Khoms Khunawut ที่ถ่ายภาพผู้โดยสารและเล่าเหตุการณ์ที่เขาพบเจอ
(ชัชชาติ สิทธิพันธุ์)
(โพสต์)
มันเป็นความแตกต่างที่ตรงข้ามกันอย่างมากเพราะยังมีประชาชนอีกหลายๆคนที่ยังต้องนั่งรถไฟแบบเอากระดาษปูพื้นและนอนหน้าห้องน้ำรถไฟอยู่ แต่ในทางกลับกันเรากลับตื่นเต้น ไปกับการลงทุน รถไฟฟ้าความเร็วสูงมูลค่านับแสนล้านบาท เพราะฉนั้นเราต้องไม่ลืมการดูแลประชาชนที่ยังต้องใช้รถไฟชั้นสามในการเดินทางอยู่ และต้องไม่ลืมการดูแล ประชาชนที่ยังต้องใช้รถเมล์ รถสาธารณะ ในการเดินทาง หัวใจของการคมนาคม คือ การดูแลการให้บริการประชาชนด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่การลงทุนขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวครับ
(รูปชาวบ้านนอนหน้าห้องน้ำ)
(รูปชาวบ้านนอนหน้าห้องน้ำ)
ขอบคุณ Athikhom Khoms Khunawut ชัชชาติ สิทธิพันธุ์