"บิ๊กตู่" พบ "หลี่ เค่อเฉียง" ยันไทยให้ความสำคัญ นทท.จีน ระบุ ปท.ไทยพร้อมรับตำแหน่ง ปธ.อาเซียน 

"บิ๊กตู่" พบ "หลี่ เค่อเฉียง" ยันไทยให้ความสำคัญ นทท.จีน ระบุ ปท.ไทยพร้อมรับตำแหน่ง ปธ.อาเซียน 

"บิ๊กตู่" พบ "หลี่ เค่อเฉียง" ยันไทยให้ความสำคัญ นทท.จีน ระบุ ปท.ไทยพร้อมรับตำแหน่ง ปธ.อาเซียน 

 

วันนี้ (15 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี พบหารือ Corridor Meeting กับ "นายหลี่ เค่อเฉียง" นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อมั่นความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างไทย - จีน พร้อมผลักดันเป้าหมายการค้าระหว่างกันให้มากกว่า 140,000 ล้านดอลลาห์สหรัฐฯ ภายในปี 2564 โดยโอกาสนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนยินดีสนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างกัน และย้ำว่าไทยยังเป็นประเทศหลักในการท่องเที่ยวของจีนต่อไป นอกจากนี้จีนยังพร้อมผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆ กับไทยในปีหน้าทีีไทยเป็นประธานอาเซียน เพื่อให้บรรลุข้อตกลงต่างๆ ร่วมกันรวมถึง RCEP ด้วย


พร้อมกันนี้ "พล.อ.ประยุทธ์"  ยังกล่าวในพิธีรับมอบตำแหน่งประธานอาเซียนว่า ตนขอขอบคุณ และแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรี "ลี เซียนลุง" และทีมประธานอาเซียนของสิงคโปร์ สำหรับความสำเร็จในการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนที่มีความเข้มแข็ง และนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ไทยจะสานต่อประเด็นที่อาเซียนได้ให้ความสำคัญในปีนี้ โดยเฉพาะเรื่องเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน เพื่อสร้างความต่อเนื่อง และให้เกิดผลอย่างยั่งยืนให้กับประชาคมอาเซียน

 

นายกฯ กล่าวว่า ภายหลังการก่อตั้งอาเซียนที่กรุงเทพฯ ในปี 2510 ผ่านมากว่า 5 ทศวรรษมาแล้ว อาเซียนได้เป็นประชาคม ในภูมิภาคที่มีสันติภาพและความมั่นคง อาเซียนได้เจริญเติบโตเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นลำดับ 6ของโลกและมีแนวโน้ม ที่จะก้าวไปสู่ลำดับที่ 4 ของโลก ภายในปี ค.ศ. 2030 มีบทบาทที่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศและเป็นแกนกลาง ใน สถาปัตยกรรมภูมิภาค อย่างไรก็ดี อาเซียนกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย อาทิ การแข่งขันทางการค้าและการเมือง เทคโนโลยีก้าวกระโดด อาชญากรรมข้ามชาติ ความเหลื่อมล้ำ และความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างสังคม ในภูมิภาค

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ ทั้ง 10 ประเทศจะต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของเอกภาพอาเซียนและหลักการสามเอ็ม (3Ms) คือ การไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน (mutual trust) ความเคารพซึ่งกันและกัน (mutual respect) และผลประโยชน์ร่วมกัน (mutual benefit) เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และเกิดความยั่งยืนให้กับอาเซียนในทุกมิติ

 

ดังนั้น ตนมีความภูมิใจที่จะประกาศแนวคิดสำหรับปีที่ไทยเป็นประธานอาเซียน คือ“ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการคือ 

 

1. การก้าวไกล (Advancing) โดยให้อาเซียนมองและก้าวไปด้วยกันสู่อนาคตอย่างมีพลวัต ใช้ประโยชน์ จากวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันควบคู่ ไปกับการสร้างระบบภูมิคุ้มกันจากเทคโนโลยีก้าวกระโดด และความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคต โดยเฉพาะสำหรับ MSMEs เพื่อก้าวไปสู่ดิจิทัลอาเซียน

 

2. การร่วมมือ ร่วมใจ (Partnership) ผ่านการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนภายในอาเซียนและกับประเทศคู่เจรจาและประชาคมโลก โดยการเสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนพลัสวัน และโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาค ที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง เพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับนานาประเทศ โดยคำนึงถึงความสมดุลและประโยชน์ต่อประชาชน และเพิ่มบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยตัวขับเคลื่อนสำคัญสำหรับอาเซียนคือ การส่งเสริมความเชื่อมโยงในมิติต่าง ๆ ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ การเชื่อมโยงประชาชน โดยเฉพาะในบริบทของปีวัฒนธรรมอาเซียน ค.ศ.2019 รวมถึงการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ ความเชื่อมโยงต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อก้าวไปสู่อาเซียนที่ไร้รอยต่อ

 

3. ความยั่งยืน (Sustainability) กล่าวคือ การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงที่ยั่งยืน ความยั่งยืนด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงเศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่ง การจัดตั้งศูนย์อาเซียน เพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและมีนวัตกรรม จะมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้

 

“ผมขอเชิญชวนประเทศสมาชิก ประชาชน และทุกภาคส่วนของอาเซียน ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ในการสร้าง ASEAN Brand ด้วยกัน ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางยุทธศาสตร์ให้กับอาเซียน เสริมสร้างอัตลักษณ์ ของอาเซียน และช่วยให้อาเซียนสามารถเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคตอย่างภาคภูมิใจ ผมขอรับมอบการเป็นประธานอาเซียนปี 2019 ต่อจากสิงคโปร์ เพื่ออาเซียน “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” แล้วพบกันที่ประเทศไทยปีหน้า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว