"กกต." ยันเลื่อน-ไม่เลื่อน ลต.  รอผลประชุมแม่น้ำ 5 สายกับพรรคการเมือง แต่ยันเบื้องต้นยังไม่มีเหตุ

"กกต." ยันเลื่อน-ไม่เลื่อน ลต.  รอผลประชุมแม่น้ำ 5 สายกับพรรคการเมือง แต่ยันเบื้องต้นยังไม่มีเหตุ

"กกต." ยันเลื่อน-ไม่เลื่อน ลต.  รอผลประชุมแม่น้ำ 5 สายกับพรรคการเมือง แต่ยันเบื้องต้นยังไม่มีเหตุ

 

วันนี้ (22 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมเซ็นทรา "นายอิทธิพร บุญประคอง" ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองยื่นหนังสือขอให้การเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมปวันที่ 24 ก.พ. 62 และพรรคการเมืองอีกกลุ่มขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปว่า กกต. จะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาในภาพรวม ซึ่งพรรคการเมืองขนาดเล็กก็มีข้อเรียกร้องให้มีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้ง รวมถึงผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ  แต่เบื้องต้นมองว่ายังไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปจากโรดแมป ส่วนการตัดสินใจว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปหรือไม่นั้น จะมีความชัดเจนภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่างแม่น้ำ 5 สายกับตัวแทนพรรคการเมืองตามข้อ 8 ของคำสั่ง คสช.ที่ 53/2561 และคาดว่าวันประชุมจะชัดเจนหลังพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลใช้บังคับ  ทั้งหากท้ายที่สุดมีข้อสรุปให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป กกต. เองก็ไม่จำเป็นแสดงความรับผิดชอบเพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้เช่นนั้น แต่การเลื่อนก็ต้องมีเหตุผลและก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจ

 

 

สำหรับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 เปิดทางให้ กกต. ทบทวนการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ให้เสร็จก่อนวันที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะมีผลใช้บังคับ นายอิทธิพร กล่าวว่า  กกต. กำหนดวันไว้แล้วว่าจะพิจารณาแบ่งเขตเลือกตั้งให้เสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย.เพื่อเผื่อเวลาการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไว้ด้วย ตั้งแต่สัปดาห์หน้า กกต. จะมุ่งมั่นประชุมเพื่อให้เสร็จตามแผนงานที่วางไว้ โดยยืนยันว่าจะพิจารณาการแบ่งเขตให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 27 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ต้องคำนึงถึงจำนวนประชากรต้องมีความใกล้เคียงกันในแต่ละเขต 

 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเปิดให้ คสช. และรัฐบาลรับเรื่องร้องเรียนแบ่งเขตเลือกตั้งได้ อาจเป็นการเปิดทางให้ฝ่ายที่มีอำนาจแทรกแซงการแบ่งเขตเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ประธาน กกต.   กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น แต่มองว่าเป็นการเพิ่มช่องทางในการรับเรื่องร้องมากกว่า ซึ่งการแบ่งเขตตามเงื่อนไขในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 ก็กำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ถือว่าทำให้คสช.หรือรัฐมาครอบงำ และคำสั่งไม่ได้มีผลนิรโทษกรรมให้กับ กกต. ที่ถูกมองว่าแบ่งเขตไม่เสร็จ เพราะจริงๆกกต.ทำทันตามกรอบเวลาที่คำสั่งคสช.13/61 กำหนดให้แบ่งเขตเลือกตั้งแล้วเสร็จก่อนพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.สมีผลบังคับใช้  แม้ว่าจะแบ่งเขตไม่ทันตามที่กำหนดในระเบียบ แต่ระเบียบกกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตให้ขยายเวลาได้อยู่แล้ว จึงไม่มีเรื่องที่คสช.ต้องนิรโทษกรรมให้กกต. อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจมีการหารือเรื่องของการคุ้มครองกกต.ในเรื่องการปฏิบัติอื่นๆ

 

 

ผมได้ยืนยันต่อที่ประชุมตัวแทนพรรคการเมืองในวันนี้แล้วว่า กกต. จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนเรื่องที่มีการวิจารณ์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจนทำให้การแบ่งเขตเลือกตั้งล่าช้าออกไปนั้น ก็เป็นความเห็นของแต่ละปัจเจกบุคคล ไม่ได้น้อยใจ และน้อมรับต่อกระแสวิจารณ์นายอิทธิพรกล่าว

 

ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจัดสรรงบเพิ่มสิทธิบัตรคนจนในช่วงก่อนการเลือกตั้ง อาจเข้าข่ายใช้นโยบายหาเสียงล่วงหน้าว่า เชื่อว่าเป็นเรื่องที่สำนักงาน กกต. จะพิจารณา  หากรวบรวมข้อมูลแล้วเห็นว่ามีมูลก็จะเสนอกกต. พิจารณาตั้งคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง แต่ถ้ามีผู้ร้องก็ยิ่งดี  ส่วนกรณีนี้จะเข้าข่ายเพื่อประโยชน์ให้พรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีในรัฐบาลสังกัดอยู่หรือไม่  ตนย้ำแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นใคร หากดำเนินการเข้าข่ายผิดกฎหมายสำนักงานกกต. จะติดตามตรวจสอบอยู่เสมอ แต่ผลบางครั้งที่ออกมาก็ไม่ได้เป็นไปตามที่มีคำร้อง คือหลักฐานและข้อมูลไม่เพียงพอ ที่จะชี้ได้ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายจึงยุติเรื่องไป แต่ถ้ามีมูลก็เสนอกกต. ดำเนินการอย่างเข้มข้นโดยตั้งกรรมการสืบ  เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่แค่มาฟ้องแล้วก็ให้ตัดสินเลย เพราะถ้าทำเช่นนั้นจะไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากหากพบว่ามีความผิดจะมีบทกำหนดโทษรุนแรง

 

เมื่อถามถึงกรณีสำนักงานกกต.มีหนังสือถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ขอให้มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการที่พรรคการเมืองดำเนินการในลักษณะถูกครอบงำชี้นำ ซึ่งเข้าข่ายอาจถูกยุบพรรคต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังกกต. มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา  นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องที่สำนักงานดูแลก็เป็นไปตามกิจวัตรที่สำนักงานจะทำไป  ตนก็เห็นจากข่าวโดยเรื่องยังมาไม่ถึงกกต. อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของสำนักงาน  แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่เราเห็นว่ามีข้อมูลและเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนก็จะเชิญมาให้ข้อมูล