มท. ปลดล็อคตำแหน่งบริหารของ อปท. มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในระบบ ส่งเสริมผู้มีความรู้ และความสามารถอย่างแท้จริง

อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยถึงการปลดล็อคตำแหน่งบริหาร เพราะจากปัญหาที่เกิดขึ้นในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

             เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.กลาง) ได้ลงนามในประกาศมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการสอบคัดเลือก การคัดเลือกข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2561 เกี่ยวกับการปลดล็อคตำแหน่งบริหาร เพราะจากปัญหาที่เกิดขึ้นในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ผ่านมา มีการใช้ระบบอุปถัมภ์ หรือการเรียกรับผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ในการสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น หรือการเลื่อนระดับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นของข้าราชการส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะตำแหน่งบริหารของ อปท. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารงานใน อปท. ทางหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่งที่ 8/2560 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดความไม่เป็นธรรม หรือเกิดความเสียหายต่อระบบการบริหารงานบุคคลของ อปท. อย่างร้ายแรง โดยกำหนดให้คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 เข้ามาทำหน้าที่ในการสอบคัดเลือกและการคัดเลือกข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการท้องถิ่น ประเภทบริหารท้องถิ่นและตำแหน่งสายงานบริหารสถานศึกษา (ซึ่งเดิมเป็นอำนาจของ อปท.) เพื่อให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

            นายสุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ก็ได้ดำเนินการตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้มีการประกาศมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการสอบคัดเลือก การคัดเลือกข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหาร พ.ศ.2560 เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการสรรหาข้าราชการส่วนท้องถิ่นเพื่อดำรงตำแหน่งสายงานบริหาร ซึ่งในประกาศดังกล่าวมีการกำหนดเงื่อนไขไว้บางประการ เช่น ให้ อปท. ที่มีตำแหน่งบริหารว่างในทุกกรณีจะต้องดำเนินการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งบริหารที่ว่างให้แล้วเสร็จใน 150 วัน หากยังสรรหาไม่ได้สามารถขอขยายระยะเวลาการสรรหาได้อีก 60 วัน รวมระยะเวลาที่ อปท. สรรหาได้เอง 210 วัน , อปท. ที่สรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งไม่ได้ภายใน 150 วันหรือ 210 วันดังกล่าว จะต้องรายงาน ก.จังหวัด เพื่อรายงานให้ ก.กลาง ดำเนินการสรรหาให้ และข้าราชการส่วนท้องถิ่นผู้ผ่านการสรรหาโดย ก.กลาง จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นจะต้องเป็นผู้ผ่านการอบรมในหลักสูตรที่ ก.กลาง กำหนดเท่านั้น

          และจากเงื่อนไขดังกล่าว เมื่อมีการสรรหาโดย ก.กลาง ในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสรรหาครั้งแรกตามหลักเกณฑ์ใหม่ ที่กำหนดให้มีการสรรหาโดยการสอบข้อเขียนเป็นครั้งแรกใน 10 กว่าปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีข้าราชการส่วนท้องถิ่นในบางตำแหน่งไม่มีผู้ผ่านการสรรหา ส่วนตำแหน่งที่มีผู้ผ่านการสรรหาที่มีการขึ้นบัญชีไว้มีกำหนด 1 ปี ก็จะประสบปัญหาเกี่ยวกับการแต่งตั้ง เนื่องจาก อปท. มีตำแหน่งบริหารว่าง แต่ไม่ขอใช้บัญชีผู้ผ่านการสรรหา แต่ใช้วิธีการสรรหาเองใน 150 วัน หรือ 210 วัน ทำให้บัญชีผู้ผ่านการสรรหาไม่ได้ถูกใช้ในการแต่งตั้งจนบัญชีหมดอายุ (1 ปี) ประกอบกับตำแหน่งที่ไม่มีผู้ผ่านการสรรหา อปท. ไม่สามารถที่จะสรรหาเองได้ (ตำแหน่งถูกล็อค) จะต้องรอ ก.กลางสรรหาในครั้งต่อไป ทำให้ อปท. ไม่มีผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งบริหารดังกล่าว และผู้ที่ผ่านการสรรหาบางส่วนยังไม่ผ่านการอบรม จึงไม่สามารถแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ผ่านการสรรหาได้ ทำให้ผู้ผ่านการสรรหาบางคนที่อายุใกล้จะ 60 ปี (เกษียณอายุราชการ) ไม่มีโอกาสได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่ผ่านการสรรหา

          จากปัญหาดังกล่าวทาง ก.กลาง จึงแก้ไขเงื่อนไขในประกาศมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการสอบคัดเลือก การคัดเลือกข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหาร พ.ศ.2560 และจัดทำเป็นประกาศมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการสอบคัดเลือก การคัดเลือกข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2561 เพื่อให้การสรรหาในครั้งที่ผ่านมาและในครั้งต่อไป มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับ อปท. และผู้ผ่านการสรรหา ดังนี้

1. กรณีตำแหน่งบริหารของ อปท.ที่ว่าง (ใหม่) ให้ อปท. ดำเนินการสรรหาเอง (โดยการรับโอน คัดเลือกเพื่อรับโอน) และเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ ก.จังหวัดภายใน 60 วัน หากครบระยะเวลาดังกล่าวแล้วยังไม่สามารถเสนอชื่อได้ให้รายงาน ก.จังหวัด เพื่อรายงานให้ ก.กลาง สรรหาให้

2.กรณีตำแหน่งบริหาร อปท.ที่ว่าง (เดิม) และรายงานให้ ก.กลาง สรรหาแล้ว แต่ปรากฎว่าไม่มีผู้ผ่านการสรรหาหรือบัญชีผู้ผ่านการสรรหาหมดบัญชีแล้ว ยังมีตำแหน่งว่างที่ไม่มีผู้ไปแต่งตั้ง (ตำแหน่งถูกล็อค) ก.กลาง อาจพิจารณากำหนดช่วงเวลาให้ อปท. ที่มีตำแหน่งว่าง (ถูกล็อค) รับโอนข้าราชการส่วนท้องถิ่นในประเภท ระดับ ตำแหน่งเดียวกัน และ อปท.ประเภทเดียวกันมาแต่งตั้งในตำแหน่งที่ว่างดังกล่าวได้ (ปลดล็อค) โดยหลังจากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับแล้ว ก็จะมีการเสนอช่วงเวลาปลดล็อคให้ ก.กลางพิจารณา

3. ผู้ผ่านการสรรหาที่ยังไม่ผ่านการอบรมในหลักสูตรที่ ก.กลาง กำหนด ให้สามารถแต่งตั้งได้ก่อนแล้วจึงเข้าอบรมในโอกาสแรก สำหรับเงื่อนไขในเรื่องนี้ให้นำไปใช้กับผู้ที่ผ่านการสรรหาในครั้งที่ผ่านมา (ซึ่งยังไม่ผ่านการอบรม) ด้วย

ข้อดีของการแก้ไขเงื่อนไขดังกล่าวก็คือ จะทำให้ผู้ผ่านการสรรหา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่ผ่านการสรรหา อันจะเกิดประโยชน์แก่ อปท. และประชาชาชน ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นในระบบการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งบริหารของ อปท. ที่เป็นไปอย่างมีมาตรฐานบนพื้นฐานของระบบคุณธรรม ส่งเสริมผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริง นายสุทธิพงษ์กล่าว