อัยการตีกลับสำนวนคดี "ผู้ช่วยเลขาฯปปช."ชักปืนขู่แท๊กซี่

อัยการตีกลับสำนวนคดี "ผู้ช่วยเลขาฯปปช."ชักปืนขู่แท๊กซี่

จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ "เฮียขับรถ" ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์สุดระทึกซึ่งเกิดขึ้นที่ศูนย์ราชการเเจ้งวัฒนะโดยเป็นเหตุการณ์ขณะที่คนกำลังมีปัญหากันเรื่องการขับรถ โดยเริ่มจากทั้งคู่ขับไล่ตามกันมา มุ่งหน้าไปกองบัญชาการกองทัพไทย ก่อนที่ทางเก๋งฮอนด้าซึ่งมีคนขับเป็นลุงท่านหนึ่ง จะหัวร้อนเดินลงมาจากรถและชักปืนเล็งใส่รถคันหลัง จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายในโลกโซเชียล ซึ่งนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) สั่งการให้ นายพิเศษ นาคะพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. รายงานข้อเท็จโดยด่วน โดยเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุขอดูข้อเท็จจริงก่อนพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัย

 

ต่อมานายพิเศษ ได้ออกมายอมรับว่าชายคนในคลิปคือตนเอง ซึ่งได้เดินทางให้ปากคำเจ้าหน้าที่ โดยได้ให้การไปตามความเป็นจริง โดยนายพิเศษ อ้างว่า "ช่วงจะเลี้ยวเข้าศูนย์ราชการ แท็กซี่คันที่ติดกล้องหน้ารถดังกล่าว ได้ปาดเข้ามาเลี้ยว ตนจึงได้บีบแตรเตือนไป จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว" ทำให้ ป.ป.ช. ต้องลงความเห็นว่าพฤติกรรมของนายพิเศษ ถือเป็นความผิดส่วนบุคคล อาจจะไม่มีผลกับการภาคทัณฑ์ในตำแหน่งหน้าที่ เพราะเหตุเกิดนอกเวลาราชการ และคลิปก็บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นวันหยุดและใส่เครื่องแต่งกายธรรมดาไม่ใช่ชุดทำงาน ตรงจุดนี้ทำให้การเอาผิดในตำแหน่ง หน้าที่การงาน อาจจะไม่มีผลกับตัวผู้ก่อเหตุ
 

อัยการตีกลับสำนวนคดี "ผู้ช่วยเลขาฯปปช."ชักปืนขู่แท๊กซี่

(ลุงหัวร้านชักปืนขู่แท๊กซี่)

ส่วนที่นายพิเศษ อ้างว่าทำงานด้านตรวจสอบทุจริต กังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย จึงจำเป็นต้องพกปืน และที่ชักปืนขึ้นมาเพื่อเตรียมไว้ป้องกันตัวนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าราชการใน ป.ป.ช. จะต้องพกอาวุธ เพราะทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องไม่ดีในสังคม จนอาจทำให้บุคคลบางกลุ่มไม่พอใจ แต่เพื่อเป็นการลดข้อครหาในสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติกรรมแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ จึงมีคำสั่งแต่ตั้งนางณัชชา เกิดศรี รองเลขาธิการฯ ป.ป.ช. เป็นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยจะต้องส่งให้คณะกรรมการฯพิจารณาให้แล้วเสร็จภาย 15 วัน

 

อัยการตีกลับสำนวนคดี "ผู้ช่วยเลขาฯปปช."ชักปืนขู่แท๊กซี่

(ลุงหัวร้านชักปืนขู่แท๊กซี่)

ล่าสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เปิดเผยว่า "เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลเเขวง 9 (เเขวงดอนเมือง) ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง คดีอาญาที่ 1268/2561 ซึ่งร้อยตำรวจเอก สหรัตน์ หลวงสิริธนสิน พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้กล่าวหานายพิเศษ นาคะพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปช. ในข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน เเละทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันควร ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ"


"สำหรับคดีนี้ ทางพนักงานอัยการได้เห็นว่าเป็นคดีสำคัญ เพราะผู้ต้องหาเป็นข้าราชการระดับสูง และอยู่ในความสนใจของประชาชน จึงมีการตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณาสำนวนเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ถี่ถ้วนที่สุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลเเขวง9 (เเขวงดอนเมือง) พิจารณาเเล้วและได้มีคำสั่งให้คืนสำนวนเเก่พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เนื่องจากเกินอำนาจศาลเเขวงที่จะรับไว้พิจารณา"

 

อัยการตีกลับสำนวนคดี "ผู้ช่วยเลขาฯปปช."ชักปืนขู่แท๊กซี่

(ลุงหัวร้านชักปืนขู่แท๊กซี่)

 

ทั้งนี้ นายประยุทธ ยังกล่าวต่ออีกว่า "เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาเข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 วรรค 2 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น" 

 

"ถ้าได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งคดีดังกล่าวข้างต้น อยู่ในอำนาจของสำนักงานคดีอาญา ดังนั้นพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง จึงต้องเเจ้งข้อหาในส่วนนี้เพิ่มแก่ผู้ต้องหา เเละนำสำนวนส่งอัยการสำนักงานคดีอาญาเพื่อมีคำสั่งต่อไป"

 

อัยการตีกลับสำนวนคดี "ผู้ช่วยเลขาฯปปช."ชักปืนขู่แท๊กซี่

(ลุงหัวร้านชักปืนขู่แท๊กซี่)

 

อัยการตีกลับสำนวนคดี "ผู้ช่วยเลขาฯปปช."ชักปืนขู่แท๊กซี่

(ลุงหัวร้านชักปืนขู่แท๊กซี่)

 

ขอบคุณ เฮียขับรถ