- 24 พ.ย. 2561
เตือนภัยสังคม เมื่อสาวลืมโทรศัพท์บนแท็กซี่ ตามหาจนเจอแต่ไม่ยอมคืน แถมขู่ทำร้ายต่อหน้าตำรวจ
ถือเป็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจ และเป็นการเตือนภัยที่เกิดขึ้นในสังคม ที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีประสบการณ์ เมื่อขึ้นรถโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ รถเมล์ หรือรถไฟฟ้า บ่อยครั้งที่จะมีการลืมสิ่งของ ทั้งของมีค่าและไม่มีค่า แต่ล่าสุดได้เกิดเรื่องราวขึ้นกับสาวคนหนึ่ง ที่ลืมโทรศัพท์มือถือไว้บนรถแท็กซี่ พอติดต่อกลับไป โชเฟอร์กลับพูดจาแรง และยืนยันว่าจะไม่คืนมือถือให้
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Patricia Swift ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดังนี้ "#อย่าขึ้นเด็ดขาด #ทะเบียนทฬ2504กทม #เทอดเกียรติ #คงดี#อยากดังเดี๋ยวจัดให้ #แชร์ให้คนไร้สำนึกไม่มีที่ยืนในสังคม เราเรียกแท็กซี่บริเวณซอยสุคนธวิท 20 แล้วลืมโทรศัพท์ไว้ในรถแท็กซี่ พยายามติดต่อกลับใน 5 นาทีเป็น 10 สาย สุดท้ายรับสายแล้วบอกว่าอยู่เซ็นทรัลพระราม 2 5 นาทีจากกระทุ่มแบนไปถึงพระราม 2 เลยหรอ? ขับรถหรือเครื่องบิน?
เราเลยพูดว่า "พี่คะ หนูขอโทศัพท์หนูคืนด้วยค่ะ" "ตอนนี้อยู่พระราม 2 แล้ว จะไปตรงนั้นอีกเมื่อไหร่ไม่รู้" "แล้วพี่จะมาคืนหนูได้เมื่อไหร่คะ"
"โอ๊ย! กูไม่ใช่ขี้ข้ามึง กูไม่คืน"
จากนั้นปิดเครื่องไปเลย โทรไปอีก 30 สาย ตั้งแต่สามทุ่ม จนสี่ทุ่ม เราจึงใช้แอพ Find my phone เพื่อส่งเสียงและส่งข้อความบอกว่าจะแจ้งตำรวจ ระหว่างนั้นเราไปสน.เพื่อจะแจ้งความ #อยู่ๆมันคงกลัว เพราะแอพ find my phone ดังตลอดเวลา หลังจาก 1 ชั่วโมงมันจึงเปิดเครื่องอีกครั้งแล้วบอกว่าจะเอามาคืนให้ นัดเจอซอยสุคนธวิท 20 เหมือนเดิม
"เดี๋ยวเอาไปคืนให้ แต่กูไม่ไปหรอกสน. มันเรื่องของมึง
มึงจะไปถอนแจ้งความก็เรื่องของมึงกูไม่ไป!"
เรากับแฟนขับมารอดูทีท่า #พร้อมให้สายตรวจมารอดูเหตุการณ์เผื่อมีการทำร้ายร่างกาย สักพักมันขับหนีไปอีก #ถ้าคนจิตใจบริสุทธิ์จะกลัวตำรวจทำไม
เราเลยโทรไปอีกบอกว่า "พี่ หนูมารอตรงที่เดิม ทำไมไม่เห็นพี่เอามาคืนเลย?"
"เดี๋ยววนกลับไปใหม่แล้วกัน"
โชเฟอร์แท็กซี่คนดังกล่าว
แล้วมันก็ขึ้นรถขับรถออกไป เราจึงเข้าไปเคาะกระจกฝั่งซ้าย ตรงเบาะหลังคนขับ เพราะถ้าวิ่งไปฝั่งขวาตรงคนขับกลัวรถชน "พี่ๆ ลงมาคุยกันที่สน.ก่อน ลงมาคุยกันก่อน"พูดไปก็พยายามเปิดประตู แต่มันล็อค! #แล้วมันก็เร่งคันเร่งสุดแรง ทั้งๆที่มือเราเกาะที่เปิดประตูอยู่!
#เราโดนลากไปกับถนน ไม่มีแม้แต่ความสำนึกของคนที่จะลงมาดู จากนั้นเราแจ้งความมาที่สน. #แทนที่จะสำนึกผิดและขอโทษ #แต่กลับมาเรียกร้องค่าเสียหายที่เราเคาะกระจกรถ และเรียกพรรคพวกมาบนโรงพัก แฟนเราได้ยินมันคุยกันว่า #จะตามไปถึงบ้าน และไปถามแม่ว่า "บ้านอยู่ไหน" เราจึงขอตำรวจแจ้งความบันทึกประจำวันเพิ่ม จากที่ตอนแรกลงไว้แค่เรื่องโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าคนเลวๆอย่างมันจะตามมาทำอะไรที่บ้านเราในภายหลัง
แถมยังพูดอีกว่า " #ถ้ามีปืนกูยิงมึงไปแล้วต่อหน้าตำรวจ ก็อย่างว่า "ตำรวจไทยเฮงซวย" #ไม่รับลงบันทึกประจำวัน ตอบมาว่า "เค้าก็แค่พูดน่ะน้อง อย่าเพิ่งไปกลัวอะไรที่ยังไม่เกิดขึ้นสิ" และไม่ลงบันทึกประจำวันให้ แต่พออยู่สน.บอกว่าไม่ได้เจตนาขโมย ผมจะเอาคืนให้ อีกอย่าง ตำรวจเข้ามาบอกกับเราว่า
"พี่จะบอกอะไรให้นะ เราผิดเองที่ลืมไว้
เค้าพูดถูกที่ไม่ใช่ขี้ข้าแล้วจะเอามาคืนเรา"
#นี่หรอที่บอกว่าตำรวจเคียงข้างประชาชน
#ต้องรอให้เราโดนยิงหรือบาดเจ็บกว่านี้ก่อนหรอตำรวจจึงจะรับแจ้งความ ? เอาให้มันสุดไปเลยนะชีวิต "
ทำให้กระแสโซเชียลเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และโชเฟอร์แท็กซี่นิสัยเสีย ทั้งจงใจขโมยสิ่งของ และพูดจาข่มขู่ใส่ ทั้งนี้ยังมีหลายคนแสดงความคิดเห็นด้วยว่า แล้วแบบนี้ ความปลอดภัยของประชาชนอยู่ตรงไหน ในเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพึ่งพาไม่ได้ คาดว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะต้องเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์เสียก่อน ถึงจะมีคนรับผิดชอบเรื่องนี้
คอมเม้นต์จากชาวโซเชียล
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Patricia Swift