"นายกฯ" กล่าวสุนทรพจน์กิจกรรม "Thai-German Business Forumฯ" ยันเยอรมนีหุ้นส่วนสำคัญของไทย-สัมพันธ์ยาวนาน 156 ปี

"นายกฯ" กล่าวสุนทรพจน์กิจกรรม "Thai-German Business Forumฯ" ยันเยอรมนีหุ้นส่วนสำคัญของไทย-สัมพันธ์ยาวนาน 156 ปี

 

"พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในกิจกรรม "Thai-German Business Forum : Asia-Europe Partnership for the Future" เพื่อส่งเสริมการลงทุนในไทย ยันเยอรมนีหุ้นส่วนสำคัญของไทยในยุโรป 2 ประเทศมีความสัมพันธ์มายาวนานถึง 156 ปี

 

วันนี้ (29 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 15.30 น. เวลาท้องถิ่น ณ กรุงเบอร์ลิน "พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ (Keynote speech) ในกิจกรรม Thai-German Business Forum : Asia-Europe Partnership for the Future ณ โรงแรม Hilton เบอร์ลิน โดย "พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค" รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้   

 

นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ ประชาสัมพันธ์ถึงโอกาสในทางธุรกิจ และการลงทุนในไทยของภาคเอกชนเยอรมนี ซึ่งกิจกรรมนี้มีบุคคลสำคัญของเยอรมนีเข้าร่วมหลายท่าน ได้แก่ Mr. Andreas Scheuer (นายอันเดรียส์ ชอยเออร์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและดิจิทัล สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Federal Minister for Transport and Digital Infrastructure) และ Dr. Hubert Lienhard (ฮูแบร์ท ลีนฮาร์ท) ประธานคณะกรรมการธุรกิจเยอรมนี ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (The Asia-Pacific Committee of German Business: APA)  


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความสำคัญของเยอรมนี หุ้นส่วนสำคัญของไทยในยุโรปโดยไทยและเยอรมนีมีความสำพันธ์ระหว่างกันมายาวนานถึง 156 ปีเยอรมนีเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยใน EU เป็นประเทศผู้ลงทุนลำดับต้นต้นของไทย ลงทุนในไทยกว่า 866 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 28,649 ล้านบาท มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยกระดับศักยภาพทางการผลิตของไทยมาโดยตลอด รัฐบาลไทยประกาศนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงโดยใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับการพัฒนาและยกระดับบุคลากรซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของแนวคิดอุตสาหกรรม 4.0 ของเยอรมนี

 

"นายกฯ" กล่าวสุนทรพจน์กิจกรรม "Thai-German Business Forumฯ" ยันเยอรมนีหุ้นส่วนสำคัญของไทย-สัมพันธ์ยาวนาน 156 ปี

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักลงทุนภาคเอกชนเยอรมนี ร่วมลงทุนในไทยตามแนวนโยบายของรัฐบาลในการเดินหน้าขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยเป็นยุทธศาสตร์ที่ให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานมีเป้าหมายให้ไทยเป็นระเบียงเศรษฐกิจแห่งเอเชียโดยเฉพาะการเชื่อมโยงการคมนาคมและขนส่งอย่างไรรอยต่อภายในกลุ่มประเทศอาเซียนบนภาคพื้นทวีปและจะเชื่อมโยงไปสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ในอนาคตอีกทั้งประเทศไทยได้ปฏิรูปกฎหมายและปรับปรุง กฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนลดขั้นตอนการขออนุญาตในการลงทุนในไทยจนเห็นผลในการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของธนาคารโลกปี 2562 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 จาก 190 ประเทศ


อีกทั้งโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ไทยพร้อมจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางมองไปสู่อนาคตร่วมกัน ปัจจุบันอาเซียนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับหกของโลกและมีเสถียรภาพจะก้าวไปสู่เศรษฐกิจอันดับ4 ของโลกในปี 2573 อาเซียนเป็นตลาดขนาดใหญ่มีประชากร 650 ล้านคน มีโครงการที่มีศักยภาพพร้อมรองรับการลงทุน เช่น EEC และมีนโยบายไทยแลนด์ + 1 สนับสนุนให้เอกชนจากมิตรประเทศ ใช้ไทยเป็นฐานในการขยายโอกาส ลู่ทางการค้า การลงทุน จากประเทศเพื่อนบ้าน และ ในขณะเดียวกันรัฐบาลไทยจะสนับสนุนให้เอกชนไทยดำเนินนโยบาย Germany +1 ใช้เยอรมนี เป็นฐานการขยายโอกาสลู่ทางการลงทุน ในกลุ่ม EU และภูมิภาคยุโรปเช่นกัน

 

ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณการจัดงานครั้งนี้ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการให้ความรู้ความเชื่อมั่นแก่เอกชนที่สนใจลงทุนในประเทศไทยซึ่งหวังว่าจะเห็นการเติบโตทางการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างไทยและเยอรมนี

 

"นายกฯ" กล่าวสุนทรพจน์กิจกรรม "Thai-German Business Forumฯ" ยันเยอรมนีหุ้นส่วนสำคัญของไทย-สัมพันธ์ยาวนาน 156 ปี