กางเงื่อนไขก่อนใช้สิทธิ์ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  รับเงินเพิ่มเฉลี่ยหัวละเกือบ 2,000 บาท ส่งท้ายปี

     นับเป็นข่าวดีอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหลังเมื่อไม่นานนี้ นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ออกมาเปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน  2561 ที่ผ่านมาได้รับความเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 4 มาตรการ

    กางเงื่อนไขก่อนใช้สิทธิ์ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  รับเงินเพิ่มเฉลี่ยหัวละเกือบ 2,000 บาท ส่งท้ายปี

 

 นับเป็นข่าวดีอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหลังเมื่อไม่นานนี้ นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ออกมาเปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน  2561 ที่ผ่านมาได้รับความเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 4 มาตรการ โดยให้ความช่วยเหลือจำนวน 10 เดือน
 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าว ได้เตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลและระบบใน
การจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไว้พร้อมแล้ว รวมทั้งได้กำหนดระยะเวลาในการจ่าย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

   1. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ได้แก่

1.1.ค่าไฟฟ้า ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้สิทธิจากมาตรการค่าไฟฟ้าฟรี (ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน) ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ใช้สิทธิตามมาตรการใหม่ ซึ่งต้องใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด(มาตรการนี้ใช้สิทธิได้เฉพาะค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง/การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)

เงื่อนไข
– ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน แต่ไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน กรณีใช้เกินวงเงิน ที่กำหนดต้องรับภาระจ่ายเงินเองทั้งจำนวน
– ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน
– วันที่ 18 ของเดือน (เริ่มจ่ายเดือนแรก 18 กุมภาพันธ์ 2562)

1.2. ค่าน้ำประปา ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิช่วยเหลือค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้น้ำประปาเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด (มาตรการนี้ใช้สิทธิได้เฉพาะค่าน้ำประปาของการประปานครหลวง/การประปาส่วนภูมิภาค) สำหรับการใช้สิทธิตามมาตรการใหม่ ผู้มีสิทธิจะต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาไปก่อนตามใบแจ้งหนี้ประจำเดือน ที่การไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาคเรียกเก็บ ของเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 โดยสามารถชำระเงินได้ทุกช่องทาง ทั้ง ชำระเงินที่สำนักงานการไฟฟ้า/ประปา หรือตัวแทนจุดบริการรับชำระเงิน Application Internet Banking หักบัญชีเงินฝากธนาคาร/บัญชีบัตรเครดิต และตัวแทนเก็บเงิน ซึ่ง การไฟฟ้า/ประปาจะมีประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติให้ทราบต่อไป ส่วนกรมบัญชีกลางจะโอนเงินชดเชยค่าไฟฟ้า/น้ำประปา เข้ากระเป๋าเงิน e-Money ตามจำนวนที่ผู้มีสิทธิได้ชำระไว้ตามจริง ทุกวันที่ 18 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรก 18 กุมภาพันธ์ 2562

เงื่อนไข
– ใช้น้ำประปาไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน
– กรณีใช้เกินวงเงินที่กำหนดต้องรับภาระจ่ายเงินเองทั้งจำนวน
– ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน

2.มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย จำนวน 500 บาทต่อคน จำนวน 14.5 ล้านคน ซึ่งจ่ายให้เพียงครั้งเดียว กรมบัญชีกลางจะทยอยจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้กับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 11.4 ล้านคน ภายในวันที่ 8-10 ธันวาคม 2561 และจะจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 ในวันที่ 5 มกราคม 2562 และ 1 กุมภาพันธ์ 2562

เงื่อนไข
– จ่ายให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคน 500 บาทต่อคน (จ่ายครั้งเดียว)
– 8 – 10 ธันวาคม 2561
– สำหรับผู้มีสิทธิ ที่ลงทะเบียนไทยนิยมฯ เริ่มจ่าย 5 มกราคม 2562 และ 1 กุมภาพันธ์ 2562

 

กางเงื่อนไขก่อนใช้สิทธิ์ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  รับเงินเพิ่มเฉลี่ยหัวละเกือบ 2,000 บาท ส่งท้ายปี

3.มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพ สำหรับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินจำนวน 1,000 บาท/คน เพียงครั้งเดียว กรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้ากระเป๋าเงิน e-Money ให้กับผู้มีสิทธิที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ทุกวันที่ 21 ของเดือน (เริ่มจ่ายเดือนแรก 21 ธันวาคม 2561) ทั้งนี้ หากผู้มีสิทธิรายใดมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ในระหว่างเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 จะได้รับเงินวันที่ 21 ของเดือนเกิด สำหรับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน จะเริ่มจ่ายในวันที่ 5 มกราคม 2562 และ 1 กุมภาพันธ์ 2562 หลังจากนั้นจะได้รับเงินทุกวันที่ 21 ของเดือนเกิดเช่นเดียวกัน

เงื่อนไข
– ผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปีขึ้นไป ระหว่างเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562
– 1,000 บาทต่อคน (จ่ายครั้งเดียว)
– วันที่ 21 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรก 21 ธันวาคม 2561
– สำหรับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนไทยนิยมฯ เริ่มจ่าย 5 มกราคม 2562 และ 1 กุมภาพันธ์ 2562

 

กางเงื่อนไขก่อนใช้สิทธิ์ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  รับเงินเพิ่มเฉลี่ยหัวละเกือบ 2,000 บาท ส่งท้ายปี

 

4.มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีภาระค่าเช่าบ้านและไม่มีที่พักอาศัย จะได้รับเงินช่วยเหลือ จำนวน 400 บาท/คน/เดือน โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินให้กับผู้มีสิทธิทุกวันที่ 12 ของเดือน (เริ่มจ่ายเดือนแรก 12 ธันวาคม 2561) หากผู้มีสิทธิรายใดมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในระหว่างเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 จะได้รับเงินในเดือนเกิดเป็นครั้งแรกจนสิ้นสุดมาตรการ สำหรับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืนฯ จะเริ่มจ่ายในวันที่ 5 มกราคม 2562 และวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นครั้งแรก จากนั้นจะโอนเงินช่วยเหลือให้ทุกวันที่ 12 ของเดือนเกิดเช่นเดียวกัน

เงื่อนไข
– ผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ระหว่างเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 และแจ้งข้อมูลไว้กับหน่วยลงทะเบียนว่ามีภาระค่าเช่าบ้านและไม่มีที่พักอาศัย
– 400 บาท/คน/เดือน
– วันที่ 12 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรก 12 ธันวาคม 2561
– สำหรับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนไทยนิยมฯ เริ่มจ่าย 5 มกราคม 2562 และ 1 กุมภาพันธ์ 2562

    โดยทั้ง 4 มาตรการนี้ภาครัฐหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยยกระดับรากฐานเศรษฐกิจและชีวิตของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  ได้ดีกว่าเดิมตามเป้าประสงค์ของทางรัฐบาลที่มีเรื่อยมา