จ่อเคาะกฎหมาย เหยียบได้เกิน 90 กม./ชม. หลังใช้กฎหมายเดิมมาเกือบ 40 ปี

วันนี้ 20 ธ.ค. 2561 มีรายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษา (รองผบช.ศ.) ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขกฎหมายจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง ความคืบหน้ากรณีการแก้ไขกำหนดอัตราความเร็วบนถนนระหว่างเมืองทางด่วน ความว่า ล่าสุดทางคณะฯ มีมติเห็นชอบหลักการในอัตราความเร็วรถที่เสนอไปแล้ว

จ่อเคาะกฎหมาย เหยียบได้เกิน 90 กม./ชม. หลังใช้กฎหมายเดิมมาเกือบ 40 ปี

 

วันนี้ 20 ธ.ค. 2561 มีรายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษา (รองผบช.ศ.) ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขกฎหมายจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง ความคืบหน้ากรณีการแก้ไขกำหนดอัตราความเร็วบนถนนระหว่างเมืองทางด่วน ความว่า ล่าสุดทางคณะฯ มีมติเห็นชอบหลักการในอัตราความเร็วรถที่เสนอไปแล้ว
 
"โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงปรับเพิ่มความเร็วรถในเส้นทางระหว่าง ถนนมอเตอร์เวย์อยู่ที่ประมาณ 100-110 กม./ชม. จากเดิมสามารถวิ่งได้ 90 กม./ชม. และบนทางด่วนพิเศษทุกเส้นทาง อยู่ที่ 100-110 กม./ชม. จากเดิมวิ่งได้เพียง 80 กม.ชม."

จ่อเคาะกฎหมาย เหยียบได้เกิน 90 กม./ชม. หลังใช้กฎหมายเดิมมาเกือบ 40 ปี
 
ทั้งนี้ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มอัตราความเร็ว ตรงกันข้ามที่จะต้องพิจารณาลดอัตราความเร็วลงในบางจุด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในบางจุด โดยจะต้องศึกษาถึงความเหมาะสมและนำมาหารือร่วมกันอีกครั้ง ก่อนที่ทางคณะฯจะทำการสรุปและนำเสนอต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เมื่อเห็นชอบแล้วจึงเสนอต่อ ครม. เพื่อให้พิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายตามลำดับ

สำหรับกฎหมายความเร็วของรถเดิมที่ใช้อยู่ได้ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ ปี 2522 โดยระบุความเร็วรถในเขตเทศบาลสามารถวิ่งได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. และเส้นทางระหว่างเมือง และมอเตอร์เวย์วิ่งได้ที่ 90 กม./ชม. แต่ไม่ได้กำหนดความเร็วบนทางด่วนที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ จึงต้องใช้ตามข้อกำหนดในเขตเทศบาลและระหว่างเมือง ด้วยสภาพแวดล้อมและบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไปส่งผลให้การจราจรต้องมีการปรับเปลี่ยนตามโดยเฉพาะความเร็วบนท้องถนน ส่วนกรณีที่ถูกถามว่าการเพิ่มความเร็วนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไหม ยืนยันว่าหลังจากการแก้ไขกฎหมายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยขึ้น

จ่อเคาะกฎหมาย เหยียบได้เกิน 90 กม./ชม. หลังใช้กฎหมายเดิมมาเกือบ 40 ปี

เพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากอัตราความเร็วที่เสนอปรับแก้นั้นถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ตามยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้ความเร็วรถในอัตราเดิมอยู่ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย

จ่อเคาะกฎหมาย เหยียบได้เกิน 90 กม./ชม. หลังใช้กฎหมายเดิมมาเกือบ 40 ปี