เอาใจไปเลย ! "สนธิรัตน์" ฝ่าด่านอรหันต์​ คุมราคายา​ ป้องสิทธิผู้ป่วยโดนขูดเลือด​

เป็นที่จับตาสำหรับ คณะกรรมการว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ หรือกกร. ที่มีมติให้นำเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์มาอยู่ในบัญชีสินค้าที่ต้องควบคุมราคา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายจะนำสินค้าที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและเสี่ยงที่จะฉวยโอกาสขึ้นราคาเข้าบัญชีสินค้าและบริการที่ต้องควบคุม เพื่อแก้ปัญหาการใช้ยา

เอาใจไปเลย ! "สนธิรัตน์" ฝ่าด่านอรหันต์​ คุมราคายา​ ป้องสิทธิผู้ป่วยโดนขูดเลือด​

 

เป็นที่จับตาสำหรับ คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ที่มีมติให้นำเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์มาอยู่ในบัญชีสินค้าที่ต้องควบคุมราคา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายจะนำสินค้าที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและเสี่ยงที่จะฉวยโอกาสขึ้นราคาเข้าบัญชีสินค้าและบริการที่ต้องควบคุม เพื่อแก้ปัญหาการใช้ยา และค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่แพงริบริ่ว โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ที่คาดว่าหากรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ผลักดันเรื่องนี้สำเร็จ จะเป็นผลงาน “ชิ้นโบว์แดง” ทีเดียว

โดยเฉพาะความเห็นต่างจากสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ที่ขู่จะย้ายฐานไปลงทุนต่างประเทศ! กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล

เอาใจไปเลย ! "สนธิรัตน์" ฝ่าด่านอรหันต์​ คุมราคายา​ ป้องสิทธิผู้ป่วยโดนขูดเลือด​

ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะฝ่าด่านแนวต้านนี้ แม้จะมีเสียงสนับสนุนให้ผลักดันมาตรการดังกล่าว มาจากฟากของสมาคมประกันชีวิตไทย ที่ชงข้อมูลแนวทางการกำหนดค่ารักษาพยาบาลของประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ให้กับ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ พบว่า รัฐบาลของสิงคโปร์และมาเลเซีย ได้เริ่มเข้ามาดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์และเพดานขึ้นมาควบคุม  เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ๆ โดยชี้ให้เห็นว่า หากมีราคากลางจะส่งผลให้ผู้ทำประกันไม่ต้องจ่ายเบี้ยแพงอย่างในปัจจุบัน

เอาใจไปเลย ! "สนธิรัตน์" ฝ่าด่านอรหันต์​ คุมราคายา​ ป้องสิทธิผู้ป่วยโดนขูดเลือด​

 

ขณะที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคก็ออกโรงเชียร์สุดตัว โดยสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิ ได้เสนอให้รัฐบาลเพิ่มบัญชีรายการสินค้าและบริการควบคุม 1 รายการ คือ เวชภัณฑ์ จากเดิมที่มีเพียงยารักษาโรคเป็นสินค้าควบคุม ส่วนบริการควบคุมเพิ่มอีก 1 รายการ คือ บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์และบริการอื่นของสถานพยาบาลให้ได้ เพราะจะเป็นผลดีกับประชาชนที่จะได้รับค่าบริการที่เป็นธรรม กับราคาที่จ่ายไป เชื่อว่าการดำเนินการของ กกร.จะไม่ได้เป็นสาเหตุที่จะทำให้โรงพยาบาลเอกชนดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ได้ การดำเนินการดังกล่าว จะทำให้ประชาชนจ่ายค่ายาและค่ารักษาพยาบาลที่ เป็นธรรมมากขึ้น  เพราะสุดท้ายเอกชนก็ยังต้องเป็นทางเลือก ยกตัวอย่างเช่นที่ประเทศสิงคโปร์ มีการควบคุมราคายาและบริการทางการแพทย์แล้ว มาเลเซียก็ดำเนินการแล้วเช่นกัน สหรัฐอเมริกาไม่ให้กิจการโรงพยาบาลเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการให้ได้เป็นอย่างยิ่ง

และที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานกลุ่มบริษัทดุสิตเวชการ ซึ่งมีโรงพยาบาลในเครืออยู่ราว 40 แห่ง ตั้งคำถามว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องบรรจุรายการของยา เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์เข้าไว้ในบัญชีควบคุมราคาสินค้า

เอาใจไปเลย ! "สนธิรัตน์" ฝ่าด่านอรหันต์​ คุมราคายา​ ป้องสิทธิผู้ป่วยโดนขูดเลือด​

ขณะที่ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ชี้ว่ากกร.และรัฐบาลจะตัดสินใจควบคุมราคายา หรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และบริการทางการแพทย์เพื่อเอาใจคนระดับรากหญ้าโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้ เพราะปัจจุบันประชาชนในระดับรากหญ้าหรือกลุ่มชนชั้นกลางต่างมีรัฐสวัสดิการให้อยู่แล้ว ทั้งบัตรทอง ระบบการประกันสุขภาพถ้วนหน้า และระบบประกันสังคม ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ขณะที่ค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ค่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ หรือค่าบริการทางการแพทย์ต่างๆที่เกิดขึ้น ภาครัฐและประกันสังคมเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เกือบจะทั้งหมด ที่สำคัญกลุ่มคนเหล่านี้จะไม่เข้าไปรับบริการการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนด้วย 85% ของประชากรไทยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐ มีเพียง 15% เท่านั้นที่เข้ามารักษาตัวกับโรงพยาบาลเอกชน เพราะเขายินดีที่จะได้บริการที่แตกต่างออกไป ไม่ต้องรอคอยนาน ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนมีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยกว่า

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแนวคิดที่มีแนวร่วมและได้เสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย อีกทั้งหากสำเร็จได้ใจประชาชน ทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ แต่รัฐบาลก็ต้องฟังความรอบด้าน และตัดสินใจด้วยความรอบคอบ เพื่อหามาตรการที่เหมาะสม และทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

เอาใจไปเลย ! "สนธิรัตน์" ฝ่าด่านอรหันต์​ คุมราคายา​ ป้องสิทธิผู้ป่วยโดนขูดเลือด​