เปิดคำพิพากษา ศาลไม่ให้ถอนฏีกา แม้ศิริโชคขอโทษ เผยยิ่งลักษณ์ยอมรับไปพบนักธุรกิจที่โฟรซีซั่นส์

เปิดคำพิพากษา ศาลไม่ให้ถอนฏีกา แม้ศิริโชคขอโทษ เผยยิ่งลักษณ์ยอมรับไปพบนักธุรกิจที่โฟรซีซั่นส์

จากกรณีศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.630/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์, นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328 และ 332  เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 จำเลยร่วมกันจัดรายการ “สายล่อฟ้า” ออกอากาศผ่านดาวเทียมบลูสกาย มีเนื้อหาหมิ่นประมาทใส่ความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหาย ทำนองว่าไม่เข้าร่วมภารกิจประชุมของรัฐสภา และน่าจะเดินทางไปกระทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์

 

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาตามฟ้องจริงให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้งสามไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โทษจำให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และล่าสุดวันนี้(24ม.ค.) ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาฏีกา ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้ยื่นฎีกา ขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยยื่นฎีกา ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลยต่างไม่ติดใจเอาความ จึงยื่นคำร้องขอถอนฎีกาออกจากการพิจารณาของศาลฎีกา

 

โดยในวันนี้จำเลยทั้งสามได้เดินทางมาศาลด้วย ซึ่งศาลฎีกาไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามถอนฎีกา เพราะคดีนี้ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นและส่งให้ศาลชั้นต้นพร้อมอ่านแล้ว ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาทันที โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ร่วมซึ่งเป็นแผ่นดีวีดีอัดรายการและคำถอดเทปแล้ว มีคำเช่นว่า "ปูเอาอยู่" โดยจำเลยอ้างว่าเป็นฉายาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมปี 2554 นั้น แต่เมื่อพิจารณาบริบทซึ่งเป็นคำสนทนาของจำเลยทั้งสามแล้ว เป็นการสื่อความหมายไปในทางชู้สาวว่าวันที่ 8 ก.พ. 2555 โจทก์ร่วมไม่เข้าประชุมสภา แต่ไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ด้วยภารกิจอะไร ซึ่งแม้โจทก์ร่วมจะเป็นบุคคลสาธารณะที่จำเลยทั้งสามที่เป็น ส.ส. จะตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่วิธีการที่จำเลยทั้งสามพูดในเชิงชู้สาวดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมิชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

 

 

 

เปิดคำพิพากษา ศาลไม่ให้ถอนฏีกา แม้ศิริโชคขอโทษ เผยยิ่งลักษณ์ยอมรับไปพบนักธุรกิจที่โฟรซีซั่นส์

 

ส่วนที่โจทก์ร่วมขอให้ไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นการกระทำที่มิชอบ แต่โจทก์ร่วมก็ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงการไม่เข้าร่วมประชุมสภาแล้วไปที่โรงแรมให้สาธารณชนรับทราบ โดยชั้นสืบพยาน โจทก์ร่วมก็ระบุเพียงว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อสอบถามแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากกรณีไม่เป็นความลับก็ไม่น่าทำให้เกิดความระแวงสงสัยเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งโจทก์ร่วมก็สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้ การที่จำเลยเรียกร้องให้โจทก์ร่วมชี้แจงเป็นเจตนาดีเพื่อประโยชน์สาธารณะ พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โดยโทษให้รอลงอาญา

 

เปิดคำพิพากษา ศาลไม่ให้ถอนฏีกา แม้ศิริโชคขอโทษ เผยยิ่งลักษณ์ยอมรับไปพบนักธุรกิจที่โฟรซีซั่นส์

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 นายศิริโชค โสภา ได้โพสต์ข้อความจดหมายเปิดผนึก ขอโทษนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังนายศิริโชค พร้อมด้วยนายชวนนท์ อินทรโกมาลสุต และนายเทพไท เสนพงษ์ ถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าทั้ง 3 คนมีความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทนางสาวยิ่งลักษณ์ ด้วยการนำข้อความที่ไม่ถูกต้องมาพูดออกอากาศในรายการสายล่อฟ้า ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องบลูสกาย ซึ่งต่อมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ให้อภัย และยื่นคำร้องขอถอนฎีกาให้กับนายศิริโชคกับพวก ทำให้หลุดพ้นจากคดี

 

เปิดคำพิพากษา ศาลไม่ให้ถอนฏีกา แม้ศิริโชคขอโทษ เผยยิ่งลักษณ์ยอมรับไปพบนักธุรกิจที่โฟรซีซั่นส์