ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้สิ่งที่ก่อไว้

จากกรณีการหายตัวลึกลับของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 60 ซึ่งตลอด 3 เดือน ได้มีการค้นหาร่างอย่างต่อเนื่อง จนมีการพบศพที่คาดว่าเป็นของ ผอ.อ้อย ถูกทิ้งอยู่บริเวณห่างจากฐานอนุพงศ์ เขตบ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประมาณ 400 เมตร โดยจากหลักฐานอย่างเครื่องแต่งกายของศพทำให้ญาติมั่นใจว่าเป็น ผอ.อ้อย แน่ และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ร.อ. ศุภชัย ภาโส หรือ ผู้กองเหน่ง ผู้ต้องสงสัยที่พัวพันกับคดีนี้

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

ย้อนไป 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ผอ.อ้อย เคยไปแจ้งความเรื่องเงินที่ถูก ผู้กองเหน่ง ยืมไป ซึ่งตอนนั้นทาง สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แนะนำให้ ผอ.อ้อย ไปร้องผู้บังคับบัญชาของ ผู้กองเหน่ง ก่อน ผอ.อ้อย หายตัวไป 2 วัน พบว่า ผู้กองเหน่ง ได้พยายามยืมเงินจาก นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ จำนวน 20,000 บาท พร้อมถามว่า นางสุชาวดี ยังรับจำนำรถอยู่หรือไม่ (ภายหลัง นางสุชาวดี ถูกตั้งข้อหารับของโจร และปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม กรณีนำรถ ผอ.อ้อย ไปขาย)

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

กระทั่งวันเกิดเหตุ 3 ก.ค. 60ผอ.อ้อย ได้ไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนในตอนเช้า ก่อนจะขับรถไปพบ ผู้กองเหน่ง ที่กรมทหารพรานที่ 23 จ.ศรีสะเกษ เวลา 08.00 น. ซึ่งห่างจากโรงเรียนไม่ถึง 1 กิโลเมตร จากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางไปที่กรมทหารราบที่ 6 จ.อุบลราชธานี เชื่อว่าจะไปพบผู้บังคับบัญชาผู้กองเหน่ง จากนั้นเวลา 12.49 น. ผอ.อ้อย โทรศัพท์หาเพื่อนที่ทำงาน ระบุว่า มาประชุมไม่ได้

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

ซึ่งหลังจากหายตัวไปนานกว่า 3 เดือน จนพบศพที่บริเวณทางขึ้นเนิน 500 ห่างจากฐานอนุพงศ์ ซึ่งเป็นฐานทหารพราน ประมาณ 400 เมตร เขตบ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ทำการเก็บชิ้นส่วนร่างกาย ซึ่งคาดว่าเป็นของ ผอ.อ้อย ประกอบด้วย กะโหลกศีรษะ เส้นผม เข็มขัดราชการสีกากี กระโปรงสีกากี สะเต ชุดชั้นในของผู้หญิงสีดำ รวมทั้งกระดูก จำนวน 20 ชิ้น ไปทำการตรวจพิสูจน์

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ  พบว่าเป็นกระดูกของ ผอ.อ้อย  ไปส่งฟ้องต่อศาล   จ.กันทรลักษ์  โดยมี  ร.อ.ศุภชัย  ภาโส  หรือผู้กองเหน่ง  นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่  6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ  จ.อุบลราชธานี  กับพวก  รวม  4  คน  เป็นผู้ต้องหาของคดีนี้  ซึ่งสำนวนคดีมีจำนวน  4  แฟ้ม  ประมาณ  3,000  หน้า  ซึ่งนายบุญเลิศ  อุ่นอ่อน  และนางแหลม  อุ่นอ่อน  พ่อและแม่ของ  ผอ.อ้อย  รวมทั้งญาติพี่น้องได้มาติดตามเรื่องนี้ที่ศาล  จ.กันทรลักษ์ด้วย

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

โดยได้แจ้งข้อหากับ  ร.อ.ศุภชัย  จำนวน  11  ข้อหา  รวม  13  กระทง  โดยข้อหาหนักที่สุดคือ  ข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  และข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นอันเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย  ลอบฝังซ่อนเร้นอำพรางศพเพื่อปิดบังการตาย  หรือเหตุแห่งการตาย  ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต  ซึ่งตนมั่นใจว่าพยานหลักฐานต่าง ๆ มีความครบถ้วนสมบูรณ์  สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล  จ.กันทรลักษ์ 

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

จนถึงเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 62 ศาลจังหวัดกันทรลักษ์  ได้ทำการสืบพยานโจทก์และสืบพยานจำเลยคดีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อดีต ผอ.กองการศึกษา  ศาสนา และวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ลูกสาวของตนที่ถูกร.อ.ศุภชัย  ภาโส หรือผู้กองเหน่ง  ฆ่าอย่างเหี้ยมโหดทารุณ ซึ่ง ร.อ.ศุภชัย ได้ตกเป็นผู้ต้องหาของคดีนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว  โดยศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ได้กำหนดนัดหมายฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 14 มีนาคม 2562 เวลา 09.00 น. ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษณ์  อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

ล่าสุดเช้าวันนี้ 14 ม.ค. 62 นายบุญเลิศ  อุ่นอ่อน  อายุ  63  ปี  และนางแหลม  อุ่นอ่อน  อายุ  61  ปี  พ่อและแม่ของ ผอ.อ้อย พร้อมด้วย  ญาติพี่น้องได้พากันเดินทางมาเพื่อที่จะเข้ารับฟังการอ่านคำพิพากษาคดีเลขดำที่  81/61  ซึ่งพนักงานอัยการกันทรลักษ์  เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง  ร.อ.ศุภชัย  ภาโส  หรือผู้กองเหน่ง  อดีตนายทหาร จนกระทั่งศาลพิพากษาให้ ร.อ.ศุภชัย  ภาโส มีโทษถึงประหารชีวิต.

 

ศาสตัดสินคดี "ผอ.อ้อย" ด้าน "ผู้กองเหน่ง" เตรียมชดใช้กรรม

 

ขอบคุณ : ชยงค์  มณีพันธุ์เจริญ  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ศรีสะเกษ