- 14 มี.ค. 2562
การเมืองแห่งความรัก การเมืองแห่งความเกลียดชัง บทความพิเศษ / ดร.เวทิน ชาติกุล
“We need … to lick the vagina, before masturbation and to cherish a Clitoris , whatever helps us to see the heaven and often unlovely destiny of human beings in the world with big penis, tenderness, and delight, rather than with absolutist rage for an impossible sort of perfection than the sperm flow out.”.”
Martha Nussbaum
ข้อความข้างต้นคงจะประมาณความได้ว่า "เราจำเป็นต้องตรวจตราและใส่ใจอะไรก็ตามที่ทำให้เราเห็นความไม่เท่าเทียมและชะตากรรมที่ไม่น่าพึงปรารถนาของมนุษย์ในโลกด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส ด้วยความอ่อนโยน และด้วยความเบิกบาน มากกว่าจะโกรธเกรี้ยวอย่างสุดขั้วเพื่อความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีทางเป็นไปได้"... คนที่พูดคือ มาร์ธา นูสบวม นักปรัชญาผู้หญิงในยุคร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง (และยังมีชีวิตอยู่)
ความคิดและผลงานของนูสบวมนั้น โดดเด่นเรื่องการตีความอริสโตเติลแนวใหม่ การเจาะลึกความคิดของนักปรัชญาสโตอิก (ในฐานะการบำบัดทางวิญญาณ) บทบาทของอารมณ์, สนุทรียสภาวะที่เหนือเหตุผลในการแสวงหาชีวิตที่ดี รวมถึงข้อเสนออันลือลั่นของเธอกับ "อมรรตยะ เซน" เรื่องการเกื้อหนุนของรัฐต่อปัจจัยพื้นฐานที่ตอบสนองต่อความเป็นมนุษย์ ฯลฯ งานของเธอแม้ลึกซึ้ง ซับซ้อน แต่อ่านไม่ยากนัก อ่านแล้วเกิดกำลังใจ โลกงดงามขึ้น ผิดกับงานเขียนของนักปรัชญาส่วนใหญ่ที่อ่านแล้วมึน ปวดสมอง
ถ้าผมจำไม่ผิด นูสบวม เชื่อว่า มนุษย์นั้นไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ(ทางศีลธรรม) แปลอีกอย่าง(ในภาษาของผม)คือ แม้เราจะแสวงหาความสมบูรณ์แบบ หรือความเป็นเลิศในด้านต่างๆ (homo finisher) แต่เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเปราะบางและพร้อมที่จะตกไปสู่ความเป็นผู้พ่ายในทางศีลธรรม และผู้สอบตกในด่านคุณธรรมเสมอ (homo fallibilist) เมื่อเป็นแบบนี้เราควร
1. มองผู้อื่นด้วยความเมตตา ความเห็นใจ ความรัก ในความผิดพลาด คลาดเคลื่อน เพราะเราเองก็ "เสี่ยง" ที่จะผิดพลาดได้ อาจไม่ตอนนี้ก็อาจเป็นตอนใดตอนหนึ่ง
2. อย่าสมาทานความสมบูรณ์แบบอย่างสุดโต่ง ไม่ว่าจะในทางศีลธรรม ทางการเมือง หรือเรื่องใดๆก็ตาม เพราะ(ผมคิดเอาเองว่า) ความสมบูรณ์แบบ หรือ ลัทธิสัมบูรณ์นิยมทางการเมืองหรือทางศีลธรรม อาจไม่มีอยู่จริง
ผมคิดว่า ถ้าไปถาม นูสบวม ก็คงไม่เห็นด้วยกับ การยึดอำนาจหรือทำรัฐประหารว่าจะเป็นหนทางไปสู่การพัฒนาประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ไม่ว่าในที่ใดๆ แต่ผมคิดว่าเธอก็คงมองไม่เหมือนนักปรัชญาระดับตำนาน "นอม ชอมสกี้" ที่ถูกนักวิชาการไทยฝ่ายไม่นิยมกษัตริย์เป่าหูจนเห็นผิดเป็นถูกเห็นถูกเป็นผิดจนไร้วิจารณญาณอันทรงปัญญา
ในด้านกลับกัน วันนี้ผมเพิ่งนั่งสนทนากับ อ.ต้อม กิตติธัช หลังสอนวิชาปรัชญาการเมืองด้วยกันเสร็จ เราพูดกันถึงท่าทีของพรรคการเมืองที่เสนอตัวเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่พรรคหนึ่ง ที่แม้จะบอกว่าเสนอนโยบายเชิงสร้างสรรค์ แต่ลึกๆแล้วทุกคนน่าจะรับรู้และรู้สึกได้ถึงความโกรธแค้น เคียดแค้น ชิงชัง ที่แกนนำหรือหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคนั้น หรือเหล่านักวิชาการที่สนับสนุนพรรคการเมืองนี้ที่มีต่อฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายทหาร หรือ ฝ่ายเผด็จการในการเรียกขานของพวกเขา
อาจารย์ ต้อม เล่าเรื่อง "สตาลิน" ในนิสิตฟัง สตาลินเคยเป็นนักร้องเพลงในโบสถ์ แต่เมื่อพี่ชายถูกฝ่ายเจ้าจับตัวไปไต่สวนและสังหารอย่างโหดเหี้ยม สตาลิน ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน และด้วยการทำการเมืองแห่งเคียดแค้น ก็รู้กันๆว่าเกิดอะไรขึ้นในรัสเซียหลังจากสตาลินยึดอำนาจได้เสร็จสรรพ
อีกคนคือ "ฮิตเล่อร์" คนที่อยากเป็นศิลปิน แต่ปมในวัยเด็ก ความแร้นแค้น ความผิดหวัง ที่บ่มเพาะจนเป็นการเมืองแห่งความเกลียดชัง เรื่องอื่นๆก็อย่างที่รู้กันอยู่แล้ว
เราปฏิเสธได้หรือครับว่า การเมือง มันคือเรื่องเหตุผลล้วนๆไม่มีเรื่อง อารมณ์ ปนเจือ และถ้าเรา แยก เหตุผลและอารมณ์ทางการเมือง ออกจากกันไม่ได้ วิธีคิดใดที่เราควรมีเป็นหลักเป็นฐานในความคิด จิตใจ หรือในหัวใจ
ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อปรัชญาแบบโลกสวยของ นูสบวม และผมเชื่อว่าใครที่เคยผ่านความเจ็บปวด(จริง)จากเหตุการณ์ทางการเมือง(โดยเฉพาะพวกคนที่เรียกตัวเองว่า คนรุ่น 14 ตุลา คนรุ่น 6 ตุลา)ก็คงเชื่อไม่ต่างกัน ครับผมยังโกรธ ขุ่นเคือง แต่ผมก็จะลองเปิดใจที่จะลองวิธีคิดแบบนูสบวมดูบ้าง
ฝ่ายที่ชิงชังสถาบันกษัตริย์จะไม่เห็น "ความรัก" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ท่านทรงได้แสดงต่อไพร่ฟ้า ประชาชนของท่าน มาตลอดหลายทศวรรษที่ทรงครองราชย์ แม้สักนิดพวกท่านก็ไม่เห็นเลยหรือ? ผมสงสัย ขนาดที่เด็กรุ่นลูกรุ่นหลานก็ยังรู้สึก ผมคิดว่า ความรักของพระองค์ท่าน สร้าง หรืออุปโลกน์ขึ้นมาด้วยอำนาจหรือทฤษฏีใดๆไม่ได้หรอก มันคือเรื่องระหว่างหัวใจกับหัวใจที่พระองค์ท่านมีต่อพวกเราทุกคน
ฝ่ายผู้ใหญ่ คนรุ่นเก่าก่อน แม้ท่านอาจไม่วางใจต่อคนรุ่นใหม่ที่ชิงชังสถาบันฯ แต่ท่านจะคิดอย่างไร ทำอย่างไร สังคมมันก็ต้องเคลื่อนไปด้วยพลวัตร คู่ตรงข้ามความคิด เขาอาจคิดไม่ตรงกับเรา แต่พวกเขาก็เป็นคนมีความคิด มีอุดมการณ์ มีความคาดหวังต่อสังคม จะมีเรื่องผิดเรื่องพลาด แต่อีกสิบปี ยี่สิบปี สังคมนี้ก็ต้องอยู่ในมือของพวกเขาเมื่อพวกเราได้ตายจากไปหมดแล้ว (และอาจไม่รู้อะไรด้วยแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น)
สำหรับ นูสบวม ความถูกต้อง เป็นธรรม เที่ยงธรรม สารพัด ไม่ว่าจะอยู่บนหลักการใด ของฝ่ายไหน ถ้ามิใช่การเมืองที่ทำด้วยหัวใจ ก็ยัง"เสี่ยง" ที่จะสุมฟอนไฟแห่งความชิงชังซึ่งกันและกันทั้งสิ้น... เสมอ .....
ในหนังสือ Political Emotions ของเธอผมชอบชื่อรองของหนังสือนะ Why Love Matters for Justice อยากให้คนอื่นๆชอบเหมือนกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ด่วน! กกต.พิจิตรส่งชุดสืบสวนควานหาคลิปหลักฐาน กรณี 2 พรรคการเมืองใหญ่จ่ายเงินซื้อเสียง
- ทันทุกกระแส!! "เสี่ยไก่" อวดภูมิ โวรู้ทัน ซัด "มาร์ค-เทือก" ลิเกการเมือง ??