บุกทวงถามคืบหน้าคดีทุจริตเลือกตั้งนายกอบจ.เมืองคอนนานกว่า 4 ปี คดีแช่อิ่มอยู่อัยการสูงสุด

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 22 มีนาคม 2562 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลิกตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช นายพิชัย บุณยเกียรติ อายุ 58 ปี อยู่บ้าน 3 หมู่ที่ 8 ตำบลช้างกลาง    อำเภอช้างกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราชแลละ สว.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งทุกท่าน และเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผ่านผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน  สำเนาบัตรประชาชน  หนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดลงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ชุด  หนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการภาค 8 ลงวันที่ 24 เมษายน 2560  สำเนาหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการสูงสุดเลขรับที่ 38689 ลงวันที่ 6   ธันวาคม  พ.ศ. 2561 จำนวน 1 ชุด  แต่ น.ส.นุชนภางค์ ลิ่มดุลไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนำงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่อยู่ติดราชการลงตรวจพื้นที่เลือกตั้ง ทางหัวหนาฝ่ายสอบสวนสำนำงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้รับเรื่องแทนและลงเลขรับหนังสือที่ 2843 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2562 ไว้เป็นหลักฐาน

                หัวหน้าฝ่ายสอบสวนสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวขี้งแจงเบื้องต้นว่าตามปกติทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ติดตามทวงถามความคืบหน้าของคดีในทุกคดีตามปกติอยู่แล้วในทุก 3 เดือน สำหรับคดีนี้ก็ได้ทำหนังสือทวงถามความคืบหน้าไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดแล้วเช่นกัน และเมื่อนายพิชัย บุณยเกียรติ มายื่นเรื่องร้องเรียนทวงถามทางฝ่ายสอบสวนก็จะเสนอเรื่องถึงผู้อำนวยการ กกต.นครศรีธรรมราช และ กกต.กลางเพื่อดำเนินการตามระเยียบขั้นตอนกฎหมายต่อไป

 

 

 

 

ในขณะที่นายพิชัย บุณยเกียรติ  กล่าวว่าตนในฐานะเป็นผู้ร้องขอความเป็นธรรมและในคราวเป็นผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทีมประชาธิปไตย หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 1 จัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ตามประกาศผู้อำนวยการการเลือกตั้งลงวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557 ผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ ศ. 2545 จึงยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชกรณี นายมาโนช เสนพงศ์กลุ่มประชาธิปัตย์สร้างสรรค์ หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 2 ได้กระทำฝ่าฝืนหรือกระทำการที่ไม่เป็นไปตามพระบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือบริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเอกฉันท์ให้ใบแดงเพิกถอนสิทธิ์ และยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งของนายมาโนช เสนพงศ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 คดีหมายเลขดำที่ ลต 6/2558 คดีหมายเลขแดงที่   1490 /2558 ลงวันที่ 26 มิถุนายน พ. ศ. 2558 คณะกรรมการการเลือกตั้งผู้ร้องนายมาโนช เสนพงศ์ผู้คัดค้านเรื่องคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งขอให้มีคำสั่งเลือกตั้งใหม่และเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้พิจารณาการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ. ศ. 2545 มาตรา 97 ประกอบมาตรา 96 จึงมีเหตุให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ร้องคัดค้าน 1 ปีนับตั้งแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปและให้ผู้ร้องคัดค้านพ้นจากการตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพราะเหตุอื่นนอกจากครบวาระเพราะเหตุอื่น

                ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำวินิจฉัยที่ 65/2558 ลงวันที่ 9 มีนาคม พ. ศ. 2558 ให้แจ้งความคดีอาญากับนายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพไท เสนพงศ์ ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช จนถึงวันนี้ 22 มีนาคม 2562 กระผมนายพิชัย บุณยเกียรติ ขอติดตามผลการดำเนินคดีอาญา ล่วงเลยระยะเวลามา 4 ปีถือว่าเป็นการล่าช้าในการดำเนินคดีอาญาทั่วไปกับ นายมาโนช เสนพงศ์ และ นายเทพไท เสนพงศ์ จึงขอให้ท่านประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งทุกท่าน และเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ติดตามผลคดีโดยด่วนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโปร่งใสเพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความไม่เสียเปรียบในรูปคดีจึงมีความประสงค์ขอทราบผลคดีโดยด่วน

 

 

 

 

ในการนี้กระผม นายพิชัย บุณยเกียรติ ได้มีความประสงค์ยื่นฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 174/2526 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562 ระหว่างนายพิชัย บุณยเกียรติ โจทย์ นายมาโนช     เสนพงศ์ ที่ 1 นายเทพไท เสนพงศ์ที่ 2 จำเลย ในข้อหาหรือฐานความผิดพระบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ณ ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านคงให้ความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนการเลือกตั้งทุกระดับให้มีความโปร่งใส ยุติธรรมโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

 นายพิชัย บูณยเกียรติ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ล่าชาเนื่องจากพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องทั้งสองคน แต่ผู้มีอำนาจในสถานีตำรวจคือ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กลีบมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทั้งสองคน และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณา ปรากฏว่าพนักงานอัยการังหวัดนครศรีธรรมราชมีความเห็สั่งฟ้องทั้งสองคน จึงต้องมีการส่งเรื่องให้อธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค ค พิจารณาและมีคมเห็นสั่งห้องนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 แต่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยที่ 2 เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาเป็นขั้นตอนสุดท้าย และตนได้ไปยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมและเร่งรัดคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุด แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จึงมายื่นหนังสือถึง ผอ.กตต.กลาง และ กกต. ทุกท่านพร้อมเลขา ฯ กกต.ผ่านทาง ผอ.กกต.จังหวัดนครศรีธรรมราชอีกครั้งในวันนี้ดังกล่าว

                โดยอีกทางหนึ่งตนได้ใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องส่วนตัวต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามหมายเลขคดีหมายเลขดำที่ 174/2526 ลงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562 ระหว่างนายพิชัย บุณยเกียรติ โจทย์ นายมาโนช  เสนพงศ์ ที่ 1 นายเทพไท เสนพงศ์ที่ 2 จำเลย ในข้อหาหรือฐานความผิดพระบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ณ ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านคงให้ความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนการเลือกตั้งทุกระดับให้มีความโปร่งใส ยุติธรรมโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตามแนวทางการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลนี้ และอยากจะวิงวอนท่านอัยการสูงสุดกรุณาเร่งพิจารณาคดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติรรมเพื่อจะได้พิสูจน์ความจริงในคดีดังกล่าวตามกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป นายพิชัย กล่าวย้ำในที่สุด.

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว/คลิป...ยุทธนะ  เตมะศิริ สำนักข่าวทีนิวส์นครศรีธรรมราช