องค์การอนามัยโลก (WHO)   เตือนโรคหัดระบาดแทรกซ้อนโควิด-19

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือนว่า เด็กมากกว่า 117 ล้านคน อาจพลาดในการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคหัด เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 บังคับให้ทุกประเทศต้องหันมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ social distancing และเพิ่มแรงกดดันต่อการให้บริการสาธารณสุข โดยการรณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคหัด ใน 24 ประเทศ ต้องล่าช้า และอีกหลายประเทศจะต้องเลื่อนออกไป ส่งผลให้เด็ก ๆ ในอย่างน้อย 37 ประเทศ ตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือนว่า เด็กมากกว่า 117 ล้านคน   อาจพลาดในการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคหัด เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 บังคับให้ทุกประเทศต้องหันมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ social distancing และเพิ่มแรงกดดันต่อการให้บริการสาธารณสุข โดยการรณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคหัด ใน 24 ประเทศ ต้องล่าช้า และอีกหลายประเทศจะต้องเลื่อนออกไป ส่งผลให้เด็ก ๆ ในอย่างน้อย 37 ประเทศ ตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจไม่ได้รับการฉีดวัคซีน  

ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดการระบาดครั้งใหญ่ของโรคหัดหลายครั้ง ทั่วยุโรป ที่ซึ่งมีการฉีดวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ (MMR) หรือ วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูมและหัดเยอรมัน (Measles-mumps-rubella vaccine) ในระดับต่ำ และสหราชอาณาจักรเพิ่งจะสูญเสียสถานะ ประเทศปลอดโรคหัดไปแล้ว หลังพบผู้ติดเชื้อโรคหัด ซึ่งอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต มากขึ้น

โรคหัดซึ่งทำให้เกิดอาการไอ ผื่นคัน และไข้ขึ้นสูง สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ 2 เข็ม โดยวัคซีนนี้สามารถฉีดได้ฟรี สำหรับเด็กเล็กทั่วสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ โรคปอดอักเสบ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 126,000 คนแล้ว และทำให้หลายประเทศทั่วโลก ต้องออกมาตรการปิดประเทส หรือล็อคดาวน์ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะหยุดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ในเงาของการระบาดของไวรัสมรณะ การระบาดของโรคหัดกลับเพิ่มสูงขึ้นกลายเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่สำคัญของโลกอีกโรค 

โดยข้อมูลจากอนามัยโลก ระบุว่า  เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีในสหราชอาณาจักร รับการฉีดวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ แต่มีเพียง 87.4 เปอร์เซ็นต์ที่รับการฉีดเข็มที่ 2”