สุดระห่ำ !?!? ประวัติ “พล.ต.ท. สมหมาย” เคยบุกเดี่ยวควงเอชเค สู้เขมรแดง ...แถมมี “ขุนพันธ์” เป็นไอดอล

ก่อนหน้านี้ เช้ามืดของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 นำกำลังค้น ในพื้นที่เป้าหมายของเครือข่ายไซซะนะ แก้วพิมพา โดยพล.ต.ท. สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบ.ปส.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้เนี่ยเราต้องการให้ลูกหลานเราอยู่เย็นเป็นสุข คนพวกนี้ทำลายลูกหลาน ทำลายครอบครัวของพวกเราที่หาเช้ากินค่ำมานานแล้ว เอาเงินของคนจนไปซื้อรถหรู แล้วมาอวดคนจนอีก มันเหยียบย่ำหัวใจเราเกินไปแล้วนะครับ ผมคิดอย่างนั้นนะครับ เพราะฉะนั้นผมยืนยันว่า ผมจะทำให้มันจนกว่าขอทานให้ได้

 

ติดตามรายละเอียด "พล.ต.ท.สมหมาย" ประกาศลั่นกวาดล้างขบวนการ "ไซซะนะ" ...ใครเกี่ยวข้องเตรียมตัว

 

 

ทั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ พล.ต.ท. สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จบโรงเรียนนายร้อยรุ่น 34 ก่อนจะเรียนจบสมัครใจไปเป็น ตชด. และได้ขอเปลี่ยนไปอยู่ภูธรที่สุรินทร์ สภ.ปราสาท ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดโจมตี ชุดคุ้มครองตำบล 3 ตำบล รบกับเขมรแดง
 

ทั้งนี้เคยเล่าประสบการณ์ว่า ได้สะพายปืน 120 นัด เอชเค อย่างนี้ มีลูกระเบิด ขี่มอเตอร์ไซค์คนเดียว บอกว่าท่านรองเดี๋ยวตายนะ แต่ พี่ไปคนเดียว ไปลุย จนลูกน้องเตือน แต่พี่ไม่กลัว คิดว่าตายในหน้าที่ จะได้รู้ว่าจะตายไม่ตาย ตอนนั้นห้าว ไม่กลัวใคร หลังจากนั้นไปเติบโตในสายงานที่ต้องปิดทองหลังพระ เป็นสารวัตร ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2

 

ยังกล่าวอีกว่า ไอดอลในการสืบสวนปราบปราม คือ ขุนพันธ์ เราได้ยินกิติศัพท์ไม่เคยสัมผัส ตอนนั้น พี่ก็อ่านจากหนังสือนะ แล้วพี่มีความรู้สึกว่าพี่ไม่เชื่อว่าตำรวจนครบาลจะเก่งมาก อ่านข่าวแล้วสงสัย สืบเหนือ สืบใต้ จับเก่งมากเลย ทำไมยิงปุ๊บ รู้เลยว่าใคร พี่เลยขอผู้บังคับบัญชามานอนที่สืบเหนือ

 

พล.ต.ท.สมหมาย ติดยศ พล.ต.ต. ในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนโดนโยกมารับตำแหน่งงานอำนวยการ ก่อนจะถูกโยกออกไปรับตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่

หลังจากนั้นก็ขึ้นตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก่อนจะย้ายไปทำงานในสังกัด จเรตำรวจ และได้ช่วยงานในตำแหน่ง รอง ผบช.ก. รับหน้าที่งานปราบปรามทั่วประเทศ ก่อนจะมาทำหน้าที่ ผบช.ปส. รับผิดชอบงานด้านปราบปรามยาเสพติด

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม

รู้จักให้รู้ลึก "พล.ต.ท.สมหมาย" มือปราบแก๊ง "ไซซะนะ" ลั่นชีวิตนี้มี "ขุนพันธ์" เป็นไอดอล ยิ่งอ่านประวัติแล้วคนชั่วหนาวแน่

 

 

สำหรับ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) (18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 — 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549) อดีตนายตำรวจชื่อดังของวงการตำรวจไทย ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอันมากในการปราบโจรร้ายในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย ในภาคกลางเช่น เสือฝ้าย เสือย่อง เสือผ่อน เสือครึ้ม เสือปลั่ง เสือใบ เสืออ้วน เสือไหว เสือมเหศวร ที่พัทลุง ปราบ เสือสังหรือเสือพุ่ม ที่นราธิวาส ปราบผู้ร้ายทางการเมือง ในปี พ.ศ. 2481 หัวหน้าโจรชื่อ อะเวสะดอตาเละ จนท่านได้ฉายาจากชาวไทยมุสลิมว่า รายอกะจิซึ่งแปลว่า "อัศวินพริกขี้หนู" และยกเว้นคนเดียวที่ขุนพันธรักษ์ราชเดช ไม่ได้ทำการจับกุม แต่แลกกับอิสระภาพนั้นคือ เสือดำ โดยใช้ศพลูกน้องของเสือดำเองเสียสละชีพว่าเสือดำถูกฆ่าแล้ว ภายหลังจึงทราบว่า ตัวตนเสือดำยังมีชีวิตอยู่ โดย เสือไบ เสือมเหศวร ได้พบเจอกันช่วงอายุมากแล้ว และเสือดำได้ออกรายการในที่สุด คือบุคคลเดียวที่ ขุนพันธรักษ์ราชเดช ยอมเสี่ยงทำผิดกฏหมาย แต่คดีไม่มีใครทราบความจริงสุดท้ายจึงหมดอายุความลง และจากผลงานที่ท่านสามารถปราบโจร เสือร้ายต่าง ๆ ได้มากมาย จึงได้รับฉายา ดังต่อไปนี้

 

-นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า

-นายพลตำรวจหนวดเขี้ยว

-ขุนพันธ์ฯ ดาบแดง (เชื่อกันว่าเป็นดาบที่ตกทอดมาจาก พระยาพิชัยดาบหัก ฝักดาบมีถุงผ้าสีแดงห่อหุ้ม ตัวดาบมีความคมกล้า)

-รายอกะจิ (อัศวินพริกขี้หนู) ฯลฯ

-จอมขมังเวทย์

 

 

 

 

 

 

สำหรับความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ย้อนกลับไป เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ที่ผ่านมา นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีของดาราสาวชื่อดัง แพท ณปภา พร้อมด้วยทนายความและมารดา ได้ออกมาจากห้องสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สโมสรตำรวจ หลังจากเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อเวลา 15.00 น.

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เปิดปาก "เบนซ์ เรซซิ่ง" หลังถูกสอบสวนนานกว่า 6 ชั่วโมง ยืนยันความบริสุทธิ์ ย้ำชัดไม่รู้จัก "ไซซะนะ"

เบนซ์ เรซซิ่ง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพียงเล็กน้อย โดยเปิดเผยว่า รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทางตนได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้แล้วว่าจะเข้าไปชี้แจง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่เมื่อวานนี้มาเข้าพบไม่ทัน ตนจึงได้เดินทางมาวันนี้แทน

ทั้งนี้ เบนซ์ ยังขอความร่วมมือในโลกโซเชียลมีเดีย เพื่อให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับประเด็นที่สังคมยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ทำให้หลายๆ ฝ่ายได้รับความเสียหาย ส่วนหลังจากนี้เรื่องต่างๆ ก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

ทางด้านพล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า นายเบนซ์ ให้ปากคำว่า รู้จักกับนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ เพราะมีความชอบในเรื่องรถ ส่วนความเกี่ยวข้องเรื่องรถลัมโบกินี่ นายเบนซ์ ยืมเงินนายบอยเป็นเงินสด 6ล้านบาท เพื่อมาดาวน์รถ และในวันนี้เอาเอกสารมาชี้แจงความบริสุทธิ์ ส่วนทะเบียนรถ กจ.51 กรุงเทพมหานครที่มีประเด็นว่าเจ้าของเดิมเป็นคนจังหวัดลำพูน ส่วนตัวแล้วนายเบนซ์ ชี้แจงว่าชอบเลข 51 จึงได้ซื้อทะเบียนต่อมาจากเจ้าของเดิม ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตรวจสอบต่อไปทั้งขั้นตอนการซื้อและการเสียภาษี และเรื่องบัญชีเงินฝาก พร้อมทั้งการสอบสวนเรื่องเงินที่นายบอยโอนให้นายเบนซ์ แต่นายเบนซ์ ชี้แจงว่า เงินส่วนนี้เป็นเงินที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจร้านแต่งรถ

 

พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่า ต้นสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมกันอีกครั้ง เพื่อรวบรวมข้อมูลและเรียกสอบปากคำหลายปากด้วยกันรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ในวันนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ในส่วนรถบิ๊กไบท์ นายเบนซ์ มีความชอบรถยนต์มีการเปลี่ยนไปมา มีการซื้อมาและขายไป ส่วนจะเชื่อมโยงกับนายบอยหรือไม่ ไม่พบความเชื่อมโยง ขอตรวจสอบเอกสารก่อน มีรายละเอียดมาก การสอบปากคำในวันนี้นาน5ชั่วโมงกว่าต้องใช้เวลาก่อน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเรียกแพท ณปภา มาให้ข้อมูลด้วย

 

 

 

อ้างอิงจาก policenews

เรียบเรียงโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์