ถ้าจริงบาปนรกเลย!!พระลูกวัดธรรมกายแฉผู้บริหารวัดเจตนาล่อตร.DSIก่อรุนแรงหวังโยนผิดจนท.ชาวเน็ตอึ้งนี่มันแผนแกนนำแดงก่อกวนทหารเม.ย.ปี53ชัดๆ

ที่ประตู 5 วัดพระธรรมกาย ได้มีพระอาจารย์ธรรมศักดิ์ พระลูกวัดพระธรรมกาย ซึ่งบวชอยู่ที่วัดธรรมกายมา 30 พรรษาออกมาแถลงข่าว กรณีที่ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า พระธัมมชโยได้หลบหนีออกจากวัดไปเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา 

 

ซึ่งเป็นวันแรกที่ดีเอสไอบุกค้นวัด หลังมีคำสั่งคสช. มาตรา 44 โดยหลบหนีไปโดยรถยนต์ลับ แต่ขณะนี้พระธัมมชโยยังคงพักอยู่บริเวณใกล้เคียงรอบวัด เพราะอาพาธหนักไปไหนไกลไม่ได้ อยากเจอท่าน ต้องตามหาอุบาศกชื่อโค้ก เพราะตามท่านตลอด เป็นบุคคลที่ดูแลพระธัมมชโยอย่างใกล้ชิด

 

 

         

 

"สาเหตุที่ตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน เพราะอึดอัดผู้บริหารของวัด หลังมีการประชุมเมื่อคืนวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าพระธัมมชโยไม่อยู่วัดแล้ว แต่กลับต้องการให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจบุกวัด เพื่อให้เกิดการปะทะกันจนบาดเจ็บล้มตายซึ่งพระทุกรูปในวัดก็ยอมตายด้วย พระลูกวัดยังศรัทธาในตัวพระธัมมชโย และจะโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพระลูกวัดส่วนใหญ่ไม่เคยเจอหลวงพ่อเลย มีแต่พระระดับสูง 5 เสือของวัดเท่านั้นที่เจอ" พระอาจารย์ธรรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนยังอัดคลิปเสียงในการประชุมพระระดับบริหาร เมื่อคืนวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาไว้ด้วย ส่วนเส้นทางหลบหนี หากเจ้าหน้าที่ประสานมา ตนยินดีพาไปดู
          

 

"แต่หลังออกมาเปิดเผยอาตมาคงต้องออกจากที่นี่ จำพรรษาที่วัดพระธรรมกายไม่ได้แล้ว" พระอาจารย์ธรรมศักดิ์ กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จ ตำรวจได้เชิญตัวพระอาจารย์ธรรมศักดิ์ไปที่ สภ.คลองหลวง เพื่อให้ข้อมูลแล้ว

 

 

 

 

 

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคำบอกเล่าของลูกวัดพระธรรมกาย ทำให้มีการนำไปเปรียบเทียบกรณีเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553  ซึ่งเกิดการปะทะระหว่างกองกำลังทหารกับมวลชน   จากการที่กลุ่มเสื้อแดงนำโดย  นายขวัญชัย ไพรพนา ได้นำผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปยังกองทัพภาคที่ 1 โดยอ้างว่า มีข่าวว่าทหารจะปฏิบัติการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง เมื่อไปถึง กลุ่มเสื้อแดงได้พยายามผลักดันไม่ให้ทหารออกจากกองทัพภาคที่ 1 จึงเกิดการปะทะกัน โดยทหารได้ฉีดน้ำเข้าใส่ผู้ชุมนุม ก่อนใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ตามหลักปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก ทำให้ผู้ชุมนุมถอยร่นออกมา จากนั้นทหารได้เดินแถวเรียงหน้ากระดาน เพื่อยึดพื้นที่คืนจากกลุ่มเสื้อแดง ไล่ตั้งแต่บริเวณแยกมิสกวัน ไปถึงบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำให้เกิดการปะทะกันเป็นระยะๆ แม้จะมีผู้บาดเจ็บบ้างแต่ก็ไม่หนักหนาสาหัส

 

 

 

แต่เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดและปะทะกันอย่างหนักในช่วงค่ำ โดยเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าขอคืนพื้นที่มีเพียงโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง แต่กลับมีกลุ่มติดอาวุธแฝงตัวในกลุ่มเสื้อแดงออกมาใช้ปฏิบัติการใช้อาวุธสงครามยิงใส่กลุ่มทหารจนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งการนำถังแก๊สอัดดินระเบิดแล้วจุดไฟกลิ้งเข้าใส่ทหาร โดยจุดปะทะหลักๆ อยู่บริเวณแยกคอกวัว ผลจากการปะทะทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย 863 ราย (ยอด ณ วันที่ 12 เม.ย.) ขณะที่ผู้เสียชีวิตมี 21 ราย (เป็นพลเรือน 16 คน ทหาร 5 คน) สาเหตุของการเสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกกระสุนปืน ระเบิด และถูกของแข็งกระแทก ทั้งนี้ในบรรดาผู้เสียชีวิตมีทหารระดับนายพันเสียชีวิตด้วย คือ พ.อ. ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น)

 

 

 

เรียบเรียง : มนันยา สนข.ทีนิวส์