รวบเกือบยกแก๊ง ปลอมบัตรประชาชน รับเหนาะๆ3-5 แสน/ราย

ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่ www.Tnews.co.th

ผบช.ก.แถลงจับกุมขบวนการปลอมบัตรประชาชน สวมแทนคนตาย -สูญหาย พร้อมผู้ต้องหา 21 คน เผยเสียค่าทำ 3-5 แสนบาท/ราย ขณะปลัดอ.สังคม จ.หนองคาย ตัวการสำคัญไหวทันหนีออกนอกประเทศไปแล้ว


วันนี้ ( 8 ม.ค.)  ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)  เมื่อเวลา 11.30 น.  พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. รรท.ผบก.ป. พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. และพ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3 บก.ป. แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีสวมบัตรประชาชน ใน อ.สังคม จ.หนองคาย ประกอบด้วย นางวรรณา หรือเจ๊นาง หรือเจ๊เล็ก พานิชเจริญ นายหน้าหาลูกค้า นายหรอด มาลาศรี นางอุบล สียางนอก นางพนิดา ตะวงศา นางอำพร บุดสี นายสอน บุดสี นายสำราญ สมจันทร์ นางทองจันทร์ เพ็งสมภาร นางเมต เย็นเสนาะ นางโสภา โสดา และนางหนูกาย วุฒิสิงห์ ชาวบ้านที่ร่วมกันรับรองบุคคล รวมทั้งชาวจีนและชาวพม่า 5 คน ที่สวมบัตรประชาชนปลอม มีนายเฉิน หยง หลิน นางจินชุน แซ่ฉั่ว น.ส.เฟิน หลิน หวัง น.ส.คำข่อง ไม่มีนามสกุล และ น.ส.โบว์ (ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุลจริง)
         

พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558  เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)  ได้จับกุมนายดุสิต เลิศพงศ์ไพศาล ชาว จ.สงขลา  ผู้ต้องหาหลบหนีระหว่างถูกคุมขัง หลังตกเป็นจำเลยคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แต่ภายหลังออกไปบำเพ็ญประโยชน์และหลบหนีไป  จากนั้นได้สวมบัตรประชาชนเป็นนายสุรพงษ์ เขื่อนปัญญา อายุ 25 ปี ชาว จ.หนองคาย ที่เสียชีวิตแล้ว  เจ้าหน้าที่จึงสืบทราบพบว่ามีการกระทำเป็นขบวนการสวมบัตรให้ผู้ต้องหาที่ได้รับโทษคดีอาญา ต้องคำพิพากษาศาลอัตราโทษสูง  รวมถึงบุคคลต่างด้าวมีบัตรประชาชนเป็นคนไทย  โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกระทำความผิด จึงเร่งขยายผลกวาดล้างขบวนการ เป็นไปตามแผนปฏิบัติการ "ปกป้องคนดีศรีสังคม"


พ.ต.อ.พันธนะ  กล่าวว่า จากการสืบสวนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 23 ราย  จับกุมได้แล้ว 21 ราย อยู่ในเรือนจำ 4 ราย ประกอบด้วย นายสายัญ โสดา หรือสราวุฒิ หรือหลุย เลาหมู่ นายชนะ ตั้งศิวิไลพร นายดุสิต เลิศพงศ์ไพศาล และนายสมจิตร วรรัตน์ และออกหมายจับพร้อมกับติดตามจับกุม  นายกนกพงศ์ ทองจำปา ปลัดอำเภอสังคม จ.หนองคาย  ดำเนินคดีในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด  เพื่อกระทำการในตำแหน่งโดยมิชอบ  เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร  รับเอกสารหรือกรอกข้อความในเอกสาร กระทำการรับรองเอกสารที่มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ร่วมกันทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานเท็จเพื่อให้ผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้านหรือเอกสารทางทะเบียนราษฎรโดยมิชอบ และเป็นเจ้าหน้าที่เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินโดยมิชอบเพื่อกระทำการมิชอบด้วยหน้าที่ โดยส่งป.ป.ช.ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว   ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 ราย ทราบว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
         

พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวว่า  จากการสืบสวนพบว่านางวรรณา ทำหน้าที่เป็นนายหน้าติดต่อหาลูกค้า  โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายรายละ 300,000-500,000 บาท จากนั้นจะติดต่อผู้ที่รับหน้าที่รับรองบุคคลใน อ.สังคม 11 ราย มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนรายละ 10,000-20,000 บาท ก่อนจะนัดหมายไปทำบัตรประชาชนใหม่กับนายทะเบียน  โดยผู้ที่มีอำนาจดำเนินการ คือ นายกนกพงศ์ ปลัดอำเภอสังคม   ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับนางวรรณา และชาวบ้านที่ทำหน้าที่รับรองบุคคลดังกล่าวรวม 11 ราย ในข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชนทำใช้ หรือแสดงหลักฐานเท็จ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือเอกสารทางทะเบียนราษฎรโดยมิชอบ และแจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานเท็จต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตรใหม่

พ.ต.อ.พันธนะ  กล่าวอีกว่า  ส่วนผู้ต้องหาที่สวมบัตรประชาชนผู้อื่น 5 ราย ถูกดำเนินคดีข้อหา  ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชนปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมร่วมกันทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานเท็จ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือเอกสารทางทะเบียนราษฎรโดยมิชอบ และแจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานเท็จต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตรใหม่
         

จากการสอบสวน นายหรอด  ให้การว่า นางวรรณาเป็นผู้มาติดต่อกับชาวบ้านในพื้นที่ อ.สังคม จ.หนองคาย โดยสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านเกี่ยวกับบุคคลที่เสียชีวิตหรือสูญหายไป  เพื่อจัดทำเอกสารสำหรับขอออกบัตรประชาชนใหม่  จ่ายเงินให้รายละ 10,000-20,000 บาท  ส่วนตนได้รับเงิน 50,000 บาท  เป็นการดำเนินการและบอกต่อๆ กันในหมู่ชาวบ้าน พร้อมกับให้มีการรับรองเอกสารด้วย   ขณะที่ นางหนูกาย หนึ่งในชาวบ้าน ให้ข้อมูลว่า  มีการขอเอกสารจากลูกของอดีตสามีที่เป็นบุคคลหายสาบสูญ  โดยมีการรับรองเอกสารให้กับนางวรรณา ได้รับเงินค่าตอบแทน 20,000 บาท แต่ยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อน ว่า ถูกนำเอกสารไปดำเนินการออกบัตรประชาชนใหม่  และสวมชื่อของลูกอดีตสามี