ปปง.นำ"SAS"เทคโนโลยีตัวช่วยตรวจสอบ-จับธุรกรรมฟอกเงิน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

เลขาฯปปง. แถลงนำเทคโนโลยี "SAS" มาเสริมการทำงาน ช่วยวิเคาระห์-แจ้งเตือนทันทีที่พบธุรกรรมทางการเงินต้องสงสัยเข้าข่ายการฟอกเงิน
         

วันนี้ (15 ม.ค.)  ที่สำนักงานป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.)   เมื่อเวลา 10.30 น.    พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. พร้อม นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด (SAS)  แถลงข่าวความร่วมมือนำเทคโนโลยีวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงิน  เพื่อป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและเข้าข่ายผิดกฏหมาย
         

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการฟอกเงินถือเป็นปัญหาที่มีความสำคัญกระทบต่อสังคมและประเทศชาติ มีการกระทำผิดในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มอาชญากรรม หรือผู้กระทำผิด มีพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยง พัฒนาตบตาเจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ยากมากขึ้น สำหรับ ปปง. เป็นหน่วยงานตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ได้ร่วมมือกับ บริษัท แซส นำโปรแกรม "SAS" มาใช้ ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวนั้นมีประสิทธิภาพเหมือนตาข่ายไอทีอัจฉริยะในการกรอง ดักจับการทำธุรกรรมทางการเงินทีมีขนาดใหญ่มากขึ้น หลัก 1,000-10,0000 ล้านบาท
         

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการใช้เจ้าหน้าที่ช่วยวิเคราะห์และจดบันทึกข้อมูลทางการเงิน  ซึ่งแต่ละบัญชีต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ แต่เมื่อมีการนำโปรแกรม SAS มาใช้ช่วยประหยัดเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้เวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้น พร้อมมีระบบแจ้งเตือนกรณีตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินแปลกๆ ที่เข้าข่ายการฟอกเงินจะแจ้งเตือนทันที โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบบัญชีดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง       

 

"ปกติ ปปง. รับข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินจากสถาบันการเงินประมาณ 150,000 บัญชีต่อเดือน หรือ 500-1,000 ล้านบัญชีต่อปี หากสถาบันการเงินร่วมมือกับ ปปง. มีการแชร์ข้อมูลการทำธุระกรรมที่แปลกๆ เข้าข่ายกลุ่มอาชญากรรม ทาง ปปง. ยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลและจะนำไปใช้กับหน่วยอื่นๆ ของรัฐบาล นอกจากนี้ ปปง. ได้งบ 120 ล้านบาทในการปรับปรุงโครงสร้าง หลังไม่ได้ปรับมากว่า 17 ปี ช่วยเพิ่มศักยภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมต่างๆได้ดีขึ้น" พ.ต.อ.สีหนาท กล่าว
         

ด้าน นายทวีศักดิ์ เผยว่า โปรแกรม SAS ได้รับการยอมรับและรับรองจากหน่วยงานทางการเงินในประเทศสหรัฐฯ ก่อตั้งมาแล้ว 40 ปี มีเครือข่ายกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและช่วยให้ลูกค้าที่มีมากกว่า 75,000 แห่งทั่วโลกเข้าถึงข้อมูล  สามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และตั้งในประเทศไทยประมาณ 15 ปี โดยปัจจุบันมีสัญญาณอินเทอร์เน็ทระดับ 4G  ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินสามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว