จำคุกตลอดชีวิต"ติ๊งต่าง"ฆาตรกรคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย4ขวบ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

ศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "ติ๊งต่าง" ฆาตกรต่อเนื่องคดีข่มขืนฆ่าเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่เมืองเลย หลังศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหตุจำเลยให้การเป็นประโยชน์จากคำรับสารภาพ 


วันนี้ ( 26 ม.ค.)  ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาถิเษก  เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  คดีความผิดต่อชีวิตหมายเลขดำ อ.163/58 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 และมารดาผู้เสียชีวิต ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายติ๊งต่าง หรือหนุ่ย ไม่มีนามสกุล เป็นจำลยในความผิดฐาน พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครอง หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาตน และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยความโหดร้ายทารุณ
         

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2558  บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2556 เวลากลางวัน จำเลยได้พรากเด็กหญิง อายุ 4 ปีเศษ ไปจากตาซึ่งเป็นผู้ปกครอง  โดยหลอกล่อว่าจะพาไปเดินเล่นและซื้อขนม เด็กหญิงจึงยินยอมไป จำเลยใช้กำลังบีบบังคับฉุดลากเด็กหญิงเข้าไปในป่าละเมาะและได้หน่วงเหนี่ยวไม่ยอมให้กลับไปหาผู้ปกครอง และจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงจนสำเร็จความใคร่ โดยเด็กหญิงไม่ยินยอม และอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้  จากนั้นจำเลยได้ฆ่าเด็กหญิงโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย ด้วยการใช้มือบีบคอทำให้ขาดอากาศหายใจ เหตุเกิดที่ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย  และจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา
         

ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ก.ค.2558 ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน  ให้ลงโทษทุกกรรม  พิพากษาจำคุก 9 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองฯ,  จำคุกตลอดชีวิต ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีฯ และให้ประหารชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานเพื่อปกปิดความผิด  แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากผู้ปกครองฯ, จำคุก 25 ปี ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และจำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นฯ โดยให้นับโทษจำเลย ต่อจากคดีหมายเลขแดง 990/2557  ที่ศาลจังหวัดพระโขนง พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต  ฐานฆ่าข่มขืนน้องการ์ตูน เด็กหญิงอายุ 6 ปี บริเวณป่าใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแบริ่งด้วย  ขณะที่อัยการโจทก์และจำเลยไม่ได้ยื่นฎีกา แต่เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง  จำคุกตลอดชีวิต  ดังนั้นศาลชั้นต้นจึงได้ส่งสำนวนคดีไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245
         

วันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว นายติ๊งต่าง จำเลย มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำพิพากษา  ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า  แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นการกระทำของจำเลยกระทำผิดมาเบิกความเป็นพยาน  แต่โจทก์มีบันทึกคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนที่ให้การรับสารภาพว่า  ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ จำเลยพาผู้เสียหายเดินออกจากงานกาชาดจนถึงป่าละเมาะที่เกิดเหตุแล้วได้ใช้กำลังบีบคอผู้เสียหายจนสลบ และกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่แล้วฆ่า ซึ่งคำให้การดังกล่าวได้เป็นการกล่าวถึงขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียด ยากที่พนักงานสอบสวนจะจัดทำบันทึกให้การเพื่อปรักปรำจำเลยในเรื่องที่ไม่เป็นจริง ขณะเดียวกันโจทก์ก็มีพนักงานสอบสวนมาเบิกความเป็นพยานรับรองว่าจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจและลงลายมือชื่อต่อหน้าทนายความที่พนักงานสอบสวนจัดหาให้

ทั้งนี้ แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยจะเป็นพยานบอกเล่าแต่โจทก์ก็มีพยานแวดล้อมทั้งผลการตรวจสอบกะโหลกศีรษะ โครงกระดูก เสื้อ กางเกงและรองเท้าแตะของผู้เสียหายที่ได้มีการตรวจหาสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ ซึ่งมีเหตุผลรับฟังได้ว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้พรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครอง ซึ่งแม้จำเลยจะไม่ได้สอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะเพศผู้เสียหาย แต่ก็ถือว่าจำเลยได้ลงมือชำเราแล้ว ส่วนที่จำเลยได้ใช้กำลังบีบคออย่างแรง แล้วใช้เทปกาวสีดำพันทับศีรษะ ปากและคอจนผู้เสียหายขาดอากาศหายใจนั้นก็เป็นการกระทำต่อผู้เสียหายให้เสียชีวิตโดยทรมานและทารุณโหดร้ายเพื่อปกปิดการกระทำของจำเลย

 

การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองเพื่ออนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ตามมาตรา 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 283 ทวิ วรรคสอง, ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ตามมาตรา 310 วรรคแรกและฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือทารุณโหดร้ายและเพื่อปกปิดความผิดของตนฯ ตาม มาตรา 289 (5)(7) จึงพิพากษาให้จำคุกฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองฯ  เป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน และจำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา  ส่วนความผิดฐานพยายามชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 8 ปี  โดยให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นเวลาอีก 4 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 (10)  ที่บัญญัติให้ศาลพิพากษาเพิ่มโทษความผิดเกี่ยวกับเพศที่ผู้กระทำผิดนั้นได้กระทำผิดซ้ำ  จึงให้จำคุกจำเลยฐานพยายามชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ รวมเป็นเวลา 12 ปี  แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง  คงจำคุกความผิดนี้เป็นเวลา 6 ปี  แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วคงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
         

สำหรับ นายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง  เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต  คดีความผิดทางเพศกับเด็กไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 คดี คือ คดีเด็กหญิง อายุ 6 ปี เหตุเกิดใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ศาลจังหวัดพระโขนง และคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายวัย 7 ปี เหตุเกิดที่ อ.วังสะพุง จ.เลย 

จำคุกตลอดชีวิต"ติ๊งต่าง"ฆาตรกรคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย4ขวบ