"สมคิด" บินเยี่ยมแดนหมีขาว กระชับความสัมพันธ์ "ด้านเศรษฐกิจ" หวัง!! ขยายการค้าการลงทุน

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

                วันนี้ (25 ก.พ. 59) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ระบุว่า ในโอกาสเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย ร่วมกับ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2559 ว่า มีวัตถุประสงค์หลัก 2 เรื่อง คือการกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ขยายการค้าการลงทุน  และเป็นการปูทางสำหรับการเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 18-19 พฤษภาคม 2559 ที่จะถึงนี้

                นายสมคิด กล่าวว่า ประเทศรัสเซียเป็นประเทศมหาอำนาจขนาดใหญ่ และมีทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล รวมทั้งโครงสร้างเศรษฐกิจที่เกื้อหนุนกับไทยได้เป็นอย่างดี อาทิ รัสเซียมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซปริมาณสูงมาก มีความเจริญด้านเทคโนโลยี จะช่วยเกื้อหนุนด้านความมั่นคงด้านพลังงานให้กับไทย  ในขณะที่ไทยก็มีความแข็งแรงในด้านอาหารและการเกษตร ซึ่งรัสเซียค่อนข้างขาดแคลน  ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศจะลดลง เพราะรัสเซียมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าหากร่วมมือกันได้จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว โดยเบื้องต้นให้กระทรวงพาณิชย์เจรจาตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน ให้เพิ่มขึ้นมาเท่าระดับเดิม และขยายตัวต่อไปในอนาคต  เชื่อว่าเป้าหมายมูลค่าการค้า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปี น่าจะทำได้

                สำหรับในด้านภูมิรัฐศาสตร์ รัสเซียถือเป็นหนึ่งในมหาอำนาจที่มีความสำคัญ เช่นเดียวกับสหรัฐและจีน ขณะที่ไทยก็เป็นศูนย์กลางและประตูสู่อาเซียน ซึ่งก็ถือเป็นภูมิภาคที่เป็นข้อต่อสำคัญของเอเชีย การกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไทยต้องสร้างความสมดุลให้ได้

                ในส่วนของความร่วมมือด้านการลงทุนของทั้งสองประเทศนั้น นอกจากจะมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ทั้งสองประเทศยังขาดความรู้ความเข้าใจระหว่างกัน ทั้งในด้านฐานข้อมูล ระเบียบ กฎหมาย แนวทางปฏิบัติ รวมถึงด้านช่องทางการชำระเงิน  ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการยกร่างข้อตกลง หรือ MOU หลายด้าน เช่น ศุลกากร พลังงาน และ MOU ด้านการค้า แต่มีการแก้ไขกันหลายรอบยังไม่สามารถลงนามกันได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีข้อตกลงด้านการค้า การคุ้มครองการลงทุน และความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกิดขึ้น  รวมทั้งฝ่ายไทยจะเสนอให้เปิดเจรจาการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EEU) ที่มีรัสเซียเป็นแกนนำ ซึ่งหากรัสเซียเห็นด้วย ก็มีโอกาสที่จะผลักดันให้สมาชิกประเทศอื่น ๆ ใน EEU คล้อยตามได้