- 14 พ.ย. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ ( 14 พ.ย.) นายสมชาย มีบางยาง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดพินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีการดำเนินคดีกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่เชื่อมโยงกับพระธัมมชโย โดยมีนายพันธุ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 1 ในฐานะคณะโฆษกอัยการสูงสุด เป็นผู้รับเรื่อง โดยนายสมชาย กล่าวถึงกรณีที่พระธัมมชโยถูกพนักงานสอบสวนดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรเป็นคดีพิเศษที่ 27/2559 และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการว่า กรณีดังกล่าวมีประเด็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประเด็นที่ต้องการร้องขอให้อัยการให้ความเป็นธรรมในการพิจารณาข้อกฎหมายอย่างครบถ้วน และให้มีการสั่งสอบพยานเพิ่มเติมเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา
สำหรับประเด็นที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรมไปนั้น เนื่องจากพระธัมมชโยตั้งข้อสังเกตว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้อัยการตรวจสอบประกอบด้วย 1. กรณีการตั้งข้อหาในคดีพิเศษ 63/2557 ซึ่งดีเอสไอตั้งข้อหานายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯกับพวกฐานฉ้อโกงประชาชน ย่อมแสดงให้เห็นว่าเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินของสหกรณ์ เพราะเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เป็นเงินของกลางในคดีอาญา ซึ่งจะต้องคืนให้ประชาชนผู้เสียหาย 2. คดีพิเศษที่ 146/2556 ดีเอสไอตั้งข้อหานายศุภชัยกับพวกว่าลักทรัพย์นายจ้าง แสดงว่าเงินเป็นของสหกรณ์ ซึ่งเป็นนายจ้างของศุภชัย
3. ในคดีพิเศษที่ 146/2556 จะเห็นว่าเจ้าของทรัพย์คดีดังกล่าวคือสหกรณ์ ส่วนเจ้าของทรัพย์คดีพิเศษที่ 63/2557 คือประชาชนผู้ถูกนายศุภชัยหลอกลวง ซึ่งเป็นคนละคนกัน ทั้งที่เป็นทรัพย์จำนวนเดียวกัน การดำเนินคดีทั้ง 2 คดี จึงมีความขัดแย้งกัน เป็นการตั้งข้อหาที่ซ้ำซ้อนและขัดแย้งกันเอง 4. คดีฟอกเงินในคดีพิเศษที่ 27/2559 ตั้งข้อหาจากคดีมูลฐานคือฉ้อโกงประชาชน แต่คดีดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยุติว่านายศุภชัยกระทำผิดตามข้อกล่าวหา ดังนั้นการที่พนักงานสอบสวนเร่งรัดตั้งข้อกล่าวหากับพระธัมมชโยฐานร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ 5. ยังมีพยานปากสำคัญอีกนับ 10 ราย ที่พนักงานสอบสวนยังไม่สอบปากคำ ถือว่าการสอบสวนยังไม่สมบูรณ์