ลุ้นสั่งฟ้องหรือสั่งเลื่อน!! สำนวนคดีเบนซ์หรู"สมเด็จช่วง"ถึงมืออัยการแล้ว-ตั้งคณะทำงานพิจารณา นัดสั่งคดีครั้งแรก25พ.ย.นี้

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 21 พ.ย.)  ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักอัยการสูงสุด  เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 12/2559 พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายพิชัย วีระสิทธิกุล  เจ้าของอู่รถยนต์ ที่ 1 , หจก.ซี.ที.ออโต้พาร์ท โดย นายวสุ จิตติพัฒนกุลชัย ที่ 2 , นายวสุ จิตติพัฒนกุลชัย ที่ 3 , นายเกษม หรืออ๊อด ภวังคนันท์ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) ซึ่งนำเข้าชิ้นส่วนรถโบราณ ที่ 4 , นายเมธีนันท์ หรือชลัส นิติฐิติวงษ์ ผู้ดำเนินการนำเอกสารชุดประกอบรถยนต์ไปชำระภาษีสรรพสามิต ที่ 5 , นายสมนึก บุญประไพ ผู้นำเอกสารรถยนต์ยื่นต่อกรมการขนส่งทางบก ที่ 6 และพระมหาศาสนมุนี (ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน) หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้สั่งซื้อรถยนต์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ในฐานะเลขานุการฯ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ที่ 7 เป็นผู้ต้องหาที่ 1 - 7 ตามลำดับ คดีสมเด็จช่วง ครอบครองรถเบนซ์หรู ทะเบียน ขม 99 กทม.โดยไม่ชอบ มาส่งให้พนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณา
         

ทั้งนี้ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เห็นว่า คดีนี้มีความสำคัญ เป็นที่สนใจของประชาชน จึงมีคำสั่งตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นพิจารณาสำนวน และพยานหลักฐานต่างๆ ในคดี ประกอบด้วย นายอดุลย์ เฉตวงษ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 , น.ท.ทศพร สายพันธ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ และนายกฤษณะ สุขสงวน อัยการผู้เชี่ยวชาญ เป็นคณะทำงาน โดยสำนักงานคดีพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้นัดผู้ต้องหาที่ 1 , 2 , 3 , 5 และ 6 มาฟังการสั่งคดี ในวันที่ 25 พ.ย.59 โดยผู้ต้องหาที่ 4 จะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 3 ในวันดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่หลวงพี่แป๊ะ ผู้ต้องหาที่ 7 พนักงานสอบสวนยังไม่ได้นำตัวส่งพนักงานอัยการ เนื่องจากในวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาที่ 7 อาพาธ โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอ จะนำส่งพนักงานอัยการอีกครั้งในภายหลัง 

 

นายวงศ์สกุล กล่าวว่า ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่งอัยการนัดผู้ต้องหามาพบนั้นเป็นการนัดตามขั้นตอนเนื่องจากมีผู้ต้องหาที่ 4 จะครบกำหนดฝากขัง ซึ่งเราต้องนัดมาภายในวันดังกล่าว ส่วนจะมีการสั่งคดีได้เลยหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะทำงานมีการพิจารณาพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งคดีได้แล้วหรือไม่หากพิจารณาแล้วเห็นว่าสั่งคดีได้ก็อาจจะสั่งคดีในวันดังกล่าวเลย หากพิจารณาแล้วพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอก็อาจจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมและเลื่อนวันนัดสั่งคดีออกไป ส่วนพระมหาศาสนมุนีที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งตัวมานั้น ตามปกติแล้วเราก็จะนัดมาในวันที่ 25 พ.ย.นี้ด้วย แต่เป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะต้องส่งตัวมา
        

สำหรับความผิดของผู้ต้องหาทั้งหมดที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกล่าวหา  คือกระทำความผิดฐานร่วมกันนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่ยังมิได้ผ่านด่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาราจักร หรือร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านด่านศุลกากรโดยถูกต้อง ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ปลอกเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่เสียภาษีไม่ครบถ้วน ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 , 27 ทวิ พ.ร.บ.สรรสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 161 , 165 ประกอบกฎหมายอาญา มาตรา 137 , 265 , 268 , 83