ไม่มีอุ้ม!! "ศานิตย์" นำทีมลงพื้นที่ลุยตรวจกล้องวงจรปิด หาหลักฐานคดีเซลส์แมนหายตัว ไม่พบหลักฐานถูกอุ้ม ย้ำจะตามให้ถึงที่สุด

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

 

จากกรณีที่ เจ้าหน้าที่ กทม. พบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง พร้อมเงินสดที่ห่ออยู่ในกระดาษหนังสือพิมพ์ จำนวน 20,000 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรองเท้าหนังสีดำ แบบผู้ชาย บริเวณใต้ทางยกระดับฉิมพลี  ต่อมาจึงทำการตรวจค้นหาเบาะแสเจ้าของคือ นายรัติภูมิ หรือเบิร์ด พิมใจใส อายุ 34 ปี เซลล์ขายรถยนต์ ย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.59 ที่ผ่านมา และเมื่อวานนี้ ( 4 ก.พ.60) เจ้าหน้าที่ได้พบชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของคนหรือสัตว์  พร้อมส่งไปตรวจพิสูจน์แล้วแล้วนั้น   

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ ( 5 ก.พ.)  เมื่อเวลา 13.30 น.  พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ธรรมศาลา ได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณซอยบรมราชชนนี78 แยก7 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ซึ่งพบสัญญาณโทรศัพท์นายรัติภูมิ ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.59 ที่ผ่านมา   

 

พล.ต.ท.ศานิตย์  กล่าวก่อนเข้าตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบ้านหลังที่อยู่ในซอยเดียวกับ น.ส.มิ้ว ว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาเก็บหลักฐานต่างๆ ให้เรียบร้อย ส่วนโทรศัพท์ของ น.ส.มิ้ว ที่หลายๆ คนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่ตนเชื่อว่าจะต้องมีข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์อย่างแน่นอน เพราะวันเกิดเหตุ นายรัติภูมิ ได้นำโทรศัพท์ของ น.ส.มิ้วมาวางทิ้งไว้ ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ก็ระบุว่าอยู่ที่ตรงนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่มาตรวจสอบบริเวณดังกล่าวตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง แต่การตรวจค้นครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอ คงจะต้องตรวจค้นไปเรื่อยๆ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการตรวจสอบหาสาเหตุของผู้เกี่ยวข้องในวันที่นายรัติภูมิหายตัวไป

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เนื่องจากยังมีข้อสงสัยหลายๆ ส่วน เจ้าหน้าที่ก็ยังทำงานตลอด 24 ชั่วโมง วันนี้ตนจึงอยากมาให้กำลังใจน้องๆ ที่ทำงานกันจนไม่หยุดหย่อน จนถึงขณะนี้ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า นายรัติภูมิ ยังมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตไปแล้ว เพราะไม่มีพยานหลักฐานบ่งชี้ แต่ก็ขอให้ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งทางคุณพ่อนายรัติภูมิ ยืนยันว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่แน่นอน  ส่วนกรณีที่มีหญิงสาวมาเกี่ยวข้องนั้น มันมีข้อมูลว่า นายรัติภูมิ ไปพัวพันกับหญิงที่มีครอบครัวแล้ว ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดเสียก่อน ส่วนการสอบปากคำภรรยาของนายรัติภูมิ ที่ผ่านมานั้น ถือว่าให้การเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการสืบสวนเป็นอย่างมาก

 

พล.ต.ท.ศานิตย์  กล่าวภายหลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่า  การตรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดวันนี้ ต้องการรีเช็คเพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบ ซึ่งเมื่อวานนี้ ( 4 ก.พ.60)  ตนสั่งกำชับให้ ผกก.สน.ธรรมศาลา ไปทำการสืบสวนหาโทรศัพท์มือถือให้ได้ เพราะการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งเดียวมันไม่เพียงพอ  ต้องหาต่อไปจนกว่าจะเจอ ส่วนหลักฐานอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายคดี  ก็ฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่า หากใครพบเบาะแส  หรือมีข้อมูลของนายรัติภูมิ สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นอย่างไรบ้าง  พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า  ตรวจสอบไปเรื่อยๆ อาจจะมีบางแห่งที่มีภาพของนายรัติภูมิ ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน  ซึ่งวันนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่า "ไล่หล่าว" คือเดินดิน กินข้าวแกง หาหลักฐานทุกชิ้นที่หาได้  โดยเริ่มตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง เพราะการลงพื้นที่หาหลักฐานนั้น จะต้องหาตลอด รวมทั้งมูลเหตุแรงจูงใจอื่น เพื่อจะได้คลี่คลายคดี หรือสามารถโยงไปถุงบุคคลที่เกี่ยวข้อง และเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.60) พ่อของ        นายรัติภูมิ ได้ระบุว่า บุตรชายยังมีชีวิตอยู่  ตนก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น และอยากให้นายรัติภูมิ ออกมาแสดงตัว จะได้รู้ว่ามูลเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นอย่างไร


" จากการสอบถาม น.ส.มิ้ว ให้การว่านายรัติภูมิ พึ่งมาเป็นครั้งแรก นั่งรถแท็กซี่มาเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.59 ค้าง 1 คืน และนอนที่โซฟา ก่อนจะหายตัวไปเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59 ทางเจ้าหน้าที่พยายามตรวจสอบว่านายรัติภูมิ ได้มาหา น.ส.มิ้ว บ่อยหรือไม่ หรือมีเหตุกับผู้อื่น และจุดนี้คือจุดเริ่มต้นที่พบตัวนายรัติภูมิ " พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว และว่า เชื่อว่าการทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ จะสามารถคลี่คลายคดีได้ เราจะตามให้ถึงที่สุด ประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะตำรวจทำงานไม่มีวันหยุดและทำตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในซอยบรมราชชนนี 78 แยก 15 แล้ว มีข้อมูลยืนยันแล้วว่า ไม่มีทีมอุ้มนายรัติภูมิ อย่างแน่นอน ส่วนโทรศัพท์มือถือของ น.ส.มิ้ว จะทำการรื้อค้นในพงหญ้าตลอดทั้งซอย และจะประสาน กทม.เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของ กทม.อีกด้วย

 


วิทย์ณเมธา  สำนักข่าวทีนิวส์