เปิดชัดๆ!! สรุปคำพิพากษา 3 ศาล หลังศาลฎีกาพิพากษากลับยกฟ้อง"สนธิ ลิ้มทองกุล" ไม่หมิ่น ไม่ผิด ม.112

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)  ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  โดยศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของนายสนธิ จำเลย ขาดเจตนาที่จะดูหมิ่นสถาบัน ที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง  ( คลิ๊คอ่าน  ด่วนที่สุด!! ยกฟ้อง "สนธิ" แกนนำพธม. ศาลฎีกาพิพากษากลับไม่หมิ่นเบื้องสูง ชี้ขาดเจตนา http://www.tnews.co.th/contents/300818 )

ล่าวุด วันนี้ ( 10 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรวิชช วีรวรรณ นักข่าว นักเขียน และคอลัมนิตส์ชื่อดังของหนังสือพิพมพ์ผู้จัดการ ได้โพสต์ข้อความบนเเฟชบุ๊คส่วนตัว "Surawich Verawan" โดยสรุปคำพิพากษาคดีนี้ทั้ง 3 ศาล คือศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา นำมาเปรียบเทียบกัน รายละเอียดระบุว่า 

#เปรียบคำพิพากษา3ศาลหลังศาลฎีกายกฟ้องสนธิ_ลิ้มทองกุลไม่ผิดหมิ่นเบื้องสูงตามมาตรา112

ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาวันที่ 26 ก.ย. 2555 สรุปใจความได้ว่า ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่าการพูดของจำเลยสืบเนื่องมาจากการที่ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เป็นการพูดโดยถอดข้อความบางตอนมาสรุปให้ประชาชนฟัง โดยจำเลยเห็นว่าคำพูดของ น.ส.ดารณีเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และพระราชินี จึงเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้นดำเนินคดีต่อ น.ส.ดารณี จึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยสรุปคำพูดของ น.ส.ดารณี เมื่อฟังโดยรวมแล้วเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีต่อ น.ส.ดารณี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการขยายคำพูดของ น.ส.ดารณีอันมีเจตนาโดยตรงเพื่อหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และพระราชินี การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิาพากษา1ต.ค.2556 เห็นว่า คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีเจตนาดูหมิ่นสถาบันหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยโต้แย้งกันในศาลล่างฟังได้ว่า จำเลยนำคำพูดของ น.ส.ดารณี หรือดา ตอร์ปิโด ที่พูดพาดพิงสถาบันเบื้องสูง มาปราศรัยที่เวทีพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการนำคำพูดมาหมิ่นประมาทซ้ำ ที่จำเลยอ้างว่าไม่เจตนา แต่เอาคำพูดมาปราศรัยเพื่อให้มีการดำเนินคดีกับ น.ส.ดารณี หรือดา ตอร์ปิโด ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาเนื้อหามาถ่ายทอดพูดซ้ำในที่สาธารณะ เพราะประชาชนบางส่วนไม่ทราบว่า น.ส.ดารณี หรือดา ตอร์ปิโด พูดอย่างไร ก็มาทราบจากการที่จำเลยพูด ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลกระทบต่อสถาบัน อันเป็นการกระทำที่ไม่ระวังระวังอย่างเพียงพอ การกระทำเป็นการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี

ศาลฎีกา อ่านคำพิพากษา 10 ก.พ.2560 เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคแรก บัญญัติว่า “บุคคลใดจะต้องรับผิดในทางอาญา ก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยประมาท” สำหรับคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่เจตนา และเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ถอยคำที่จำเลยกล่าวปราศรัยในที่ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการกล่าวอ้างถึงคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระราชินี เป็นการสรุปเอาเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสำคัญจากคำปราศรัยของ น.ส.ดารณีที่จะชี้ให้เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯดังกล่าว โดยมิได้กล่าวข้อความอื่นใดที่จะส่อให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงแต่อย่างใด แต่จำเลยยังเรียกร้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีแก่ น.ส.ดารณี เนื่องจากเชื่อว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดี แก่.น.ส.ดารณี เพราะเหตุที่ น.ส.ดารณีอยู่ในกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลในขณะนั้น โดยมีเจตนาปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ มิให้บุคคลใดก้าวล่วงหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ ซึ่งเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 70 การกระทำของจำเลยย่อมขาดองค์ประกอบความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคแรก การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจากเฟชบุ๊ค Surawich Verawan
วิทย์ณเมธา  สำนักข่าวทีนิวส์