พวกชอบอาบน้ำนอกบ้าน-อ้วก?! จ่อฟันรวด 20 ตร.-จนท.รัฐฯ เอี่ยวส่วย"วิคตอเรีย" มีตั้งแต่ ผกก.ยันลูกน้อง

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

พวกชอบอาบน้ำนอกบ้าน-อ้วก?! กรมการปกครอง DSI มอบหลักฐาน ปปท. ฟัน 20 ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐฯ เอี่ยวส่วยฉาว "วิคตอเรีย ซีเคร็ท" ยันยังมีข้อมูลอีกจำนวนมากในระบบคอมพิวเตอร์ แถมในรายชื่อที่พบมีตั้งแต่ ผกก.ยันลูกน้อง


วันนี้ (15 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าจับกุมการค้าบริการทางเพศของสถานบริการวิคตอเรีย ซีเคร็ท และพบมีหลายฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น

 

ล่าสุด ต่อกรณีนี้ทาง กรมการปกครอง และ DSI ได้นำหลักฐาน ประกอบด้วย บันทึกการจับกุม , สำเนาบัญชีรายรับ-รายจ่าย ที่คัดลอกจากระบบคอมพิวเตอร์ภายในสถานบริการ , รายการหลักฐานที่อายัดไว้ในความดูแลของดีเอสไอ รวมถึงบัญชีเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สื่อมวลชนนำมาเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ในคดีค้ามนุษย์สถานบริการวิคตอเรีย ซีเคร็ท มาส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง และจะสามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวได้หรือไม่

 

นายกองรบ กระทุ่มนัด หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา 6 ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง กล่าวว่า ยังมีข้อมูลอีกจำนวนมากในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาตรวจสอบอีกระยะหนึ่ง แต่การตรวจสอบยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องรวม 20 นาย ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีตำแหน่งใหญ่สุดยศ พ.ต.อ. ส่วนจะมียศสูงกว่านี้เกี่ยวข้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในรายชื่อที่พบนั้นมีตัวอักษรย่อของ ผู้บังคับการ , ผู้กำกับ ไว้ด้วยหรือไม่ นายกองรบ กล่าวว่า มี แต่ก็ยังไม่แน่ชัด ควรที่จะทำการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน เช่น ตรวจสอบจากการรูดบัตร เส้นสายทางการเงิน หรืออาจจะมีข้อมูลที่โยงไปยังผู้กระทำความผิดหรือเกี่ยวข้องได้

 

เมื่อถามว่าเอกสารที่นำมาส่งนี้ เป็นเอกสารที่เรียกรับผลประโยชน์ หรือเป็นการเอื้อเฟื้อให้กัน นายกองรบ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่แน่ชัดเป็นเอกสารเรียกรับผลโยชน์ได้หรือไม่ แม้จะปรากฏตามหัวว่ามีการรับรอง 100% ซึ่งตรงนี้จะเข้าข่ายว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ทางชุดจับกุมก็ยังไม่สารถดำเนินการรับรองได้ ต้องรอหน่วยงานเกี่ยวข้องสืบสวนต่อไป ส่วนที่ว่ามีการบันทึกข้อมูลย้อนไว้นานแค่ไหนนั้น พบว่า ประมาณ 2-3 ปี

 

ขณะที่ ความคืบหน้าการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์หญิงสาวทั้งหมด 113 คน พบเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 3 คน ถูกหลอกให้ค้าประเวณี ตั้งแต่อายุ 17 ปี นานกว่า 2 ปี สอบสวนแล้วพบว่าเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากคดีค้ามนุษย์ ได้ส่งให้ทางบ้านเกร็ดตระการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คอยดูแลฟื้นฟูต่อไปแล้ว

 

ส่วนอีก 25 คน ทางคณะเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพให้ใช้อำนาจคุ้มครองตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ นำทั้งหมดไปตรวจดูอายุกระดูกที่ รพ.ตำรวจ เพื่อดูว่ามีอายุกระดูกเท่าไร หากต่ำกว่า 18 ปี ก็จะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้น หลังจากนี้จะได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทั้ง 6 รายต่อไป ส่วนที่เหลืออีก 85 คน ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สน.วังทองหลาง ข้อหาร่วมกันมั่วสุมในสถานบริการ

 

ขณะเดียวกัน หญิงสาวที่เป็นแรงงานต่างด้าวจะส่งให้พนักงานสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) ตรวจเอกสารการเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และใบอนุญาตการทำงาน ก่อนจะผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทาง