เรื่องจริงจากปาก "ตร.หญิง"คดี7โจ๋รุมขืนใจเด็กหญิง ผู้ปกครองคอยให้ท้าย เห็นผิดเป็นชอบ กลัวลูกตัวเองเสียอนาคต แต่ลูกตัวเองกลับทำลายอนาคตคนอื่น

พนักงานสอบสวนหญิง เล่าเรื่องราวการสอบปากคำ คดีขืนใจเด็กหญิง

      จากคดีอันสุดสะเทือนขวัญ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนเเรงในบ้านเราทุกวันนี้ เมื่อเเก๊งวัยรุ่น จ.สระบุรี ได้ร่วมกันก่อเหตุรุมโทรม ขืนใจ เด็กหญิงอายุ 12ปี  จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดฉาว บานปลาย ใหญ่โต เเละไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ  สะท้อนถึงปัญหาในสังคมไทย โดยเฉพาะการรุมกระทำชำเราเด็กหญิง ซึ่งจากเรื่องราวดังกล่าว ได้มีเรื่องสั้นจากตำรวจหญิงท่านหนึ่ง ที่ได้ประสบพบเจอด้วยตนเอง เป็นเรื่องจริง มาตีเเผ่ให้สังคมได้รับรู้

เรื่องจริงจากปาก "ตร.หญิง"คดี7โจ๋รุมขืนใจเด็กหญิง ผู้ปกครองคอยให้ท้าย เห็นผิดเป็นชอบ กลัวลูกตัวเองเสียอนาคต แต่ลูกตัวเองกลับทำลายอนาคตคนอื่น

 

 

  เรื่องราวดังกล่าวเปิดเผยผ่าน เพจ พนักงานสอบสวนหญิง ดังต่อไปนี้

เมื่อ ผู้กองทราย เล่าเรื่อง

“ว่าด้วยเรื่องรุมโทรมเด็กหญิง (เรื่องสั้นจากเรื่องจริง)
.......เมื่อไม่กี่เดือนก่อนฉันได้รับแจ้งเหตุเด็กหญิงถูกเพื่อนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน (13-14ปี) ร่วมกันกระทำชำเราด้วยกันทั้งหมด 7 คนด้วยกัน ขณะที่ฉันนั่งเข้าเวรอยู่ได้มีเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาในห้องและบอกฉันว่าเขาได้นำตัวเด็กรุมโทรมมาอยู่ที่ห้องป้องกันปราบปรามใน สน. ฉันได้เดินหาผู้เสียหายที่คาดว่าต้องมาด้วยแน่ ฉันได้พบกับแม่และเด็กหญิงที่ใบหน้าของเด็กช่างแสนเศร้า น้ำตาหล่อเลี้ยงอยู่ภายในตลอดเวลา ฉันได้พาเด็กกับแม่ไปนั่งในห้องส่วนตัวและถามคำถามสั้นๆที่พอจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น สอบถามจากแม่ก็ทราบว่า เธอถูกเด็กชาย 7 คนรุมโทรมเธอ และไม่กล้าบอกพ่อแม่ จนได้ข่าวมาจากญาติ จึงมาถามเธอ่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เธอยอมรับ เล่าเหตุการณ์ให้แม่ฟัง แม่จึงได้มาแจ้งความ

ฉันรีบลงบันทึกประจำวันรับแจ้งเหตุและทำหนังสือส่งตัวเด็กน้อยผู้น่าสงสารไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เมื่อแม่และเธอกลับไป ฉันได้เรียกให้เด็กชายเข้ามาพบในห้องร้อยเวร ขณะนั้นมีแค่ 6 คนที่เข้ามา ฉันได้สอบถามถึงเด็กชายอีกคนหนึ่งแต่ก็ทราบว่าติดต่อไม่ได้ ระหว่างที่ฉันทำการพูดคุย เด็กชาย 6 คนนั่งก็พูดคุย หัวเราะ หยอกล้อ ขำขันกันคิ๊กคั๊ก ซึ่งฉันก็ไม่ทราบว่าคุยเรื่องใดหรอก แต่รู้สึกได้ว่า ความสำนึกผิดในจิตใจของพวกเขาช่างมีน้อยเหลือเกิน

 

เรื่องจริงจากปาก "ตร.หญิง"คดี7โจ๋รุมขืนใจเด็กหญิง ผู้ปกครองคอยให้ท้าย เห็นผิดเป็นชอบ กลัวลูกตัวเองเสียอนาคต แต่ลูกตัวเองกลับทำลายอนาคตคนอื่น

 

 

ฉันได้คุยกับผู้ปกครองของพวกเขา 6 คน ที่พยายามขอร้องให้ฉันช่วยเหลือลูกชายของพวกเขา และขอให้ฉันช่วยคุยกับคุณพ่อของเด็กหญิง แต่คุณพ่อก็โกรธมากๆ และไม่ยอมพูดคุยใดๆ

ฉันได้นัดให้ผู้ปกครองมาทำการพูดคุยกัน คุณพ่อของเด็กหญิงก็มิได้อยากจะทำร้ายเด็กชาย พ่อแม่ของเด็กชายก็ไม่อยากให้ลูกมีประวัติอาชญากรติดตัว ขอร้องต่างๆนาๆจนพ่อของน้องยอมให้ชดใช้ค่าเสียหาย พ่อแม่ก็ยอมที่จะชดใช้

 

ต่อมาพ่อแม่ของผู้ต้องหาทั้ง 7 ไม่ยอมชดใช้ตามจำนวน พยายามจะบีบคั้นให้พ่อเด็กหญิงรับๆเงินแล้วจบๆไป เพราะมีเงินกันแค่นี้แหละ

 

   ไม่ต้องจงต้องจ่ายหรอก ฉันเรียกเด็กหญิงมาสอบปากคำ "คนนึงปิดตา คนนึงจับแขน คนนึงจับขา สลับกันขึง สลับกันสอดใส่เวียนไปจนครบ " คือข้อความที่ตัดตอนมาจากการสอบปากคำในครั้งนั้น ความรู้สึกในจิตใจของฉันมันดิ่งลงสู่เหวแต่ก็ต้องทำหน้าอดทน และทำแข็งแกร่ง

 

 

 

ฉันเรียกผู้ต้องหาทั้ง 7 มายัง สน. เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา จัดหาที่ปรึกษากฎหมาย,นักจิตวิทยา,พนักงานอัยการให้ครบถ้วนตามกระบวนการ เมื่ออ่านข้อกล่าวหาให้ฟังจนหมด ก็ให้ออกจากห้องไป และเรียกเข้ามาทีละคนเพื่อสอบปากคำ ฉันถามถึงการรับสารภาพ เขาปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ถัดไปอีกคนก็ปฏิเสธ ก็คือประชุมนัดกันมาทุกคนแล้วล่ะ ว่าจะตอบแบบนี้ ไม่ให้ความร่วมมือ และไม่รู้สึกผิด ทั้งที่วันแรกถามก็ยอมรับ

 

เรื่องจริงจากปาก "ตร.หญิง"คดี7โจ๋รุมขืนใจเด็กหญิง ผู้ปกครองคอยให้ท้าย เห็นผิดเป็นชอบ กลัวลูกตัวเองเสียอนาคต แต่ลูกตัวเองกลับทำลายอนาคตคนอื่น

 

วันถัดมา ฉันนัดมาให้พิมพ์ลายนิ้วมือ(ทำเป็นลืม) ฉันให้เจ้าหน้าที่้เวรไปศาล พาพวกเขาไปศาลเยาวชนฯเพื่อขอศาลออกหมายควบคุม เขาไปแต่ก็ประกันตัวออกมาได้กันทุกคนด้วยราคาประกันแสนถูก ศาลก็มองโลกสวยงาม คาดไม่ถึงความดำมืดในจิตใจของพวกเขา

ต่อมาฉันก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือ โทรศัพท์ตามที่ผู้ปกครองคนหนึ่งที่คอยประสานงาน ก็ได้รับคำตอบมาว่าเสาร์นี้นะคะ ฉันก็ตอบตกลง จากนั้นเลยวันนัดแล้วฉันได้โทรศัพท์ตามว่าได้มาหรือไม่ กลับได้คำตอบว่าไม่ไป พิมพ์ที่ศาลแล้ว นู้นนี่นั่น ไม่พาเด็กมาพบพนักงานสอบสวน เลือนไปเรื่อย จนฉันต้องโทรศัพท์จี้ตามมาทีละคน

ฉันคิดว่าเหตุการณ์นี้ มันทำให้ฉันคิดอะไรบางอย่างว่าพ่อแม่ของเด็กชายพวกนี้เขาสอนลูกเขาอย่างไร เขามอบอะไรใส่เข้าไปในสมองเด็กๆพวกนี้ ถามว่าพวกเด็กชายนี้ โตพอที่จะมีจิตสำนึกรู้ดีชั่วหรือยัง ตอบเลยว่ารู้แล้ว ในวันแรกฉันได้ถามคำถามว่า พวกเขารู้ไหม๊ว่าการทำแบบนี้มันเป็นความผิด พวกเขาก็ตอบว่าเขารู้ แต่ทำไมถึงทำหล่ะ อาจจะเพราะรู้มาก ว่า โอ๊ยยยย เด็กทำอะไรศาลก็ไม่ลงโทษหรอก หรือลงเพียงเล็กน้อย ไม่พอสะท้านพวกเราหรอก พ่อแม่ก็ยังให้ท้ายลูกเสมอไง เขาเลยมีความกล้าที่จะทำ ปล่อยปละละเลย ให้รวมกันเป็นแก๊งค์เป็นกลุ่มไม่รักเพื่อนร่วมโลก

ฉันได้พูดคุยกับผู้ปกครองคนหนึ่งที่เป็นผู้ประสานงานจึงทำให้ฉันรู้ว่าสาเหตุที่เกิดเรื่องแบบนี้นั้นก็เพราะผู้ปกครองห่วยๆแบบนี้ด้วยที่ไม่สอนลูก ให้รู้จักการให้เกียรติเพื่อนร่วมโลก ไม่เกรงกลัวการกระทำความผิด และไม่ได้ทำให้เด็กชายพวกนั้นสำนึกกับการกระทำผิดในครั้งนี้แม่แต่นิดเดียว

ข่าวที่เพิ่งเป็นกระแสในโซเชียล เห็นพ่อเด็กหญิงกระทืบพวกเขาก็คิดนะว่าถ้าเป็นเราหรือคนอื่นก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้มากถึงกับไม่ทำอะไรเลยกับปฏิกิริยาการปกป้อง และคำพูด เข้าข้างคนทำผิดของพวกเขา

สุดท้ายนี้ ฉันอยากให้คนเป็นพ่อแม่ของเด็กที่ทำความผิด ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ลองมองย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าเหตุใดลูกที่ตนได้หล่อเลี้ยงเขา ปั้นเขาขึ้นมา ถึงได้ทำพฤติกรรมที่มันผิด จนไม่สามารถให้อภัยได้เช่นนี้????

ฉันเศร้าทุกครั้งที่ต้องสอบปากคำพวกเธอ แต่ฉันก็เข้มแข็งพยายามทำให้พวกเธอให้ดีที่สุด เท่าที่ฉันทำได้ และอยากให้กระบวนการทางกฎหมายปรับปรุงเพื่อให้เกิดความยุติธรรมมากขึ้น สอนเด็กๆและสอนตัวเองให้มีสำนึกในการมองคนให้เป็นคน มีอารมณ์ ความรู้สึก ไม่ใช่ สัตว์ สิ่งของ .........เราเป็นคนเหมือนกัน เริ่มจากตรงนี้ก่อน

จากใจร้อยเวรสุดเศร้า
 

 

 

 

 

ขอบคุณ

พนักงานสอบสวนหญิง

Sandra Ouyha

รูปภาพประกอบ -  ตุ๊กตาที่ทำเพื่อประกอบการสอบปากคำเด็ก