สั่งฟ้อง 11 ข้อหาแก๊งงานบวช ค้านประกันตัว

จากกรณีข่าวดังที่เป็นประเด็นร้อนเมื่อช่วงบ่าย 24 ก.พ. 2562 ที่ได้เหตุการณ์ตะลุมบอนในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ขณะมีการสอบของนักเรียน และได้มีกลุ่มแก๊งชายวัยรุ่นจำนวนมากที่มาร่วมงานบวชบุกมาทำร้ายร่างกายครู นักเรียน ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ของทางโรงเรียนเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกขอให้ลดเสียงเครื่องเสียงลง

 

นอกจากนี้วัยรุ่นในงานบวชที่เกิดความไม่พอใจยกพวกหลายสิบคนมาที่โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ยังได้ลวนลามนักเรียนหญิงหลายคนพร้อมพูดจาไม่ดีใส่นักเรียนชายอีกหลายคน

 

สั่งฟ้อง 11 ข้อหาแก๊งงานบวช ค้านประกันตัว

 

ต่อมาวันที่ 28 ก.พ. 2562 ศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) ได้รายงานประมาณการค่าเสียหายเบื้องต้นจากกลุ่มบุคคลบุกเข้าไปภายในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ที่เป็นสนามทดสอบความถนัดทั่วไป แกต-แพต ปีการศึกษา 2562 ซึ่งเท่าที่เห็นตัวเลขความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 7 แสนบาทกรณีต้องจัดสอบใหม่ เพื่อเยียวยาเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้ง 248 คน ขณะนี้ได้มอบให้นิติกรตรวจสอบว่าจะฟ้องในนามใคร ซึ่งเมื่อรวมค่าเสียหายทั้งหมดแล้วคาดว่าตัวเลขจริงจะมากกว่า 7 แสนบาทอย่างแน่นอน แต่คงไม่ถึง 10 ล้านตามที่เป็นข่าว

 

สั่งฟ้อง 11 ข้อหาแก๊งงานบวช ค้านประกันตัว

ส่วนเด็กจะเข้าสอบใหม่ในวันที่ 5 มีนาคมนี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน เพราะเมื่อเกิดเหตุแล้วครูให้เด็กไปโรงพยาบาล แต่เด็กไม่ไป มีบางรายขอสอบต่อจนเสร็จ ซึ่งต้องยอมรับว่า สภาพจิตใจและสมองขณะนั้นไม่เหมือนเดิม จึงเชื่อว่าผลคะแนนจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน กระดาษคำตอบของนักเรียนยังถูกเหยียบย่ำ ถูกขยี้ จนตรวจไม่ได้  แต่อย่างไรก็ตาม สทศ.ได้เปิดเป็นทางเลือกให้เด็กตัดสินใจ โดยจะตรวจคำตอบของเด็กกลุ่มนี้ให้เห็นเป็นรายคน ถ้าพอใจคะแนนที่ได้แล้วก็ไม่ต้องสอบใหม่ หากไม่พอใจก็สามารถไปสอบใหม่ได้ โดย สทศ.ได้เปลี่ยนสถานที่สอบใหม่เป็นที่โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคมแทนโรงเรียนวัดสิงห์

 

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่่ตำรวจได้ทำการติดตามและจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้เป็นจำนวนมากกว่า 22 คนด้วยกัน

 

สั่งฟ้อง 11 ข้อหาแก๊งงานบวช ค้านประกันตัว

 

โดยความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 13 เม.ย. 2562 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าอัยการได้ฟ้องผู้ต้องหารวมบทบัญญัติที่ให้รับโทษทั้งหมด 11 ข้อหา

โดยมีข้อหาร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, ร่วมกันบุกรุกเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ และทรัพย์สินของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ต่อหน้าธารกำนัล, บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย การที่จำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตราดังนี้ คือ  ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 92, 215,278, 281, 295, 309, 358, 362, 365พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4, 11พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 4ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 9 พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551มาตรา 3, 31, 42 

นอกจากนี้อัยการโจทก์ได้บรรยายฟ้อง ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการกระทำที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย อาศัยที่มีพวกมากบุกรุกเข้าไปในโรงเรียน ทำร้ายเด็กนักเรียน และครูผู้คุมสอบ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร ทั้งที่ไม่รู้จักและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เป็นการข่มเหงรังแกผู้อื่นเพื่อความสะใจ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่นและเพื่อความสงบสุขของสังคมโดยรวม ขอศาลได้โปรดลงโทษจำเลยตามอัตราโทษขั้นสูงของกฎหมาย

หากจำเลยขอประกันตัว โจทก์ขอคัดค้าน เนื่องจากจำเลยมีเป็นจำนวนมาก ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายจึงอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

 

สั่งฟ้อง 11 ข้อหาแก๊งงานบวช ค้านประกันตัว