ขอยืดเวลา ช้อปช่วยชาติ โพลล์ชี้ รัฐคุมห้างฉวยโอกาส

ผลยอดซื้อเป็นอย่างไร ติดตามเพจ Richman can do

ผลยอดซื้อเป็นอย่างไร ติดตามเพจ Richman can do
ขอยืดเวลา ช้อปช่วยชาติ โพลล์ชี้ รัฐคุมห้างฉวยโอกาส

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,099 คน  เรื่อง"ช้อปช่วยชาติกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน" ซึ่งพบว่าประชาชนร้อยละ 64.5 เห็นว่าแม้มีมาตรการ"ช้อปช่วยชาติ 2560" แต่ยังซื้อเหมือนช่วงปกติหรือซื้อเท่าเดิมไม่เปลี่ยน แต่ควรขยายเวลาจนถึงสิ้นปี 2560 
 

ขอยืดเวลา ช้อปช่วยชาติ โพลล์ชี้ รัฐคุมห้างฉวยโอกาส

ขณะที่ร้อยละ 14.7 มองว่ามาตรการนี้ทำให้ประชาชนซื้อสินค้าและบริการปริมาณมากขึ้นกว่าช่วงปกติ  ร้อยละ 10.7 เห็นว่าทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นใหญ่หรือราคาสูงง่ายขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก ฯลฯ และร้อยละ 10.1 มองว่าทำให้ซื้อสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นมากขึ้น เมื่อถามว่าต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องใดสำหรับห้างร้านที่เข้าร่วมโครงการช้อปช่วยชาติ 2560 พบว่าประชาชนร้อยละ 52.9 อยากให้รัฐบาลดูแลห้างร้านไม่ให้ขายสินค้าในราคาแพงกว่าช่วงเวลาปกติ ร้อยละ 27.3 ขอให้ดูแลไม่ให้มีการนำสินค้าหมดอายุหรือตกรุ่นมาขาย นอกจากนั้นร้อยละ 10.1 ระบุว่าต้องการให้จำกัดปริมาณการซื้อต่อวันหรือต่อคน

ขอยืดเวลา ช้อปช่วยชาติ โพลล์ชี้ รัฐคุมห้างฉวยโอกาส

ต่อข้อถามว่ามาตรการนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 60 ได้มากน้อยเพียงใด ประชาชนร้อยละ 55.0 มองว่ากระตุ้นได้ปานกลาง ขณะที่ร้อยละ 24.0 คิดว่ากระตุ้นมากถึงมากที่สุด แต่ร้อยละ21.0 เห็นว่ากระตุ้นน้อยถึงน้อยที่สุด  สำหรับความคิดเห็นต่อช่วงเวลาของมาตรการดังกล่าวที่จัดตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค.2560 นั้น ประชาชนร้อยละ 52.6 ระบุว่าควรขยายเวลาจนถึงสิ้นปี 2560  ขณะที่ร้อยละ 33.6 เห็นว่าควรจัดช่วงใกล้สิ้นปีเหมือนปีที่ผ่านมา 1-2 สัปดาห์ก่อนสิ้นปี และร้อยละ 13.8 มองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมดีแล้ว  เมื่อถามว่านโยบายช้อปช่วยชาติควรเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีแบบใด  ประชาชนร้อยละ 47.6 ระบุว่าควรเป็นแบบปีต่อปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนั้นๆ ส่วนร้อยละ 46.7 มองว่าเป็นแบบระยะยาว 5 ปี 10 ปี เพื่อประชาชนจะได้วางแผนการใช้จ่าย แต่ร้อยละ 05.7 ระบุว่าไม่แน่ใจ ต่อข้อถามถึงผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการออกมาตรการ"ช้อปช่วยชาติ 2560" ประชาชนร้อยละ 48.3 ระบุว่าเอกชน ห้าง หรือร้านที่จำหน่ายสินค้าและบริการ  ขณะที่ร้อยละ 27.6 คิดว่าประชาชนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี  ร้อยละ 20.1 มองว่ารัฐบาล  ร้อยละ 4 คิดว่าอื่นๆ อาทิ ได้ประโยชน์ร่วมกันในภาพรวม.