ชาวหุ้นว่าไง...!!!  เอาประชาธิปไตย หรือ เผด็จการ

รอมา42ปี ยุค คสช. หุ้นไทย1800จุดสำเร็จ อ่านรายละเอียดเพจRichman can do

ทิศทางดัชนีหุ้นจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร เชื่อได้แค่ไหนเศรษฐกิจไทยโตจริง ....

ชาวหุ้นว่าไง...!!!  เอาประชาธิปไตย หรือ เผด็จการ

หลังจากที่เมื่อวันที่5 ม.ค. 2561 ตลาดหุ้นไทย ยุครัฐบาล คสช. ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี   ก็ทำสถิติใหม่สำเร็จ จากที่รอคอยกันมา 42 ปี(นับจากปีที่ตลาดฯก่อตั้งในปี 2518) เพราะปิดที่ระดับ 1,795.45 จุด เพิ่มขึ้น 4.43 จุด ( 0.25%) มูลค่าการซื้อขาย 87,480.95 ล้านบาทโดยระหว่างวันดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,803.93 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,787.34 จุด
 

ชาวหุ้นว่าไง...!!!  เอาประชาธิปไตย หรือ เผด็จการ

สถิติใหม่ที่หุ้นไทย แตะ 1800 จุด มาทำได้ในยุครัฐบาลเผด็จการ หรือ รัฐบาล คสช. ที่เข้ามายึดอำนาจตั้งแต่ปี 2558 ขณะที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือ เพื่อไทย ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ  
ดูจากข้อมูลเดิม 10 พ.ค. 54 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ดัชนีเปิดตลาดที่ 1,076.47 จุด ปิดที่ 1,085.56 จุด
 9 ธ.ค. 56 สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เปิดตลาดดัชนีปรับตัวขึ้นแรง และขึ้นไปสูงสุดที่ 1,378.02 จุด แต่หลังจากที่บริหารประเทศมาและเกิดการชุมนุมยืดเยื้อ ก็เกิดแรงเทขายตลอดทั้งวัน สุดท้ายปิดที่ 1,367.42 จุด 
แต่ถ้าดูข้อมูลสถิติสูงสุดของ SET Index (ดัชนี) ที่ทำไว้ที่ 1,789.16 จุด เมื่อเดือนมกราคม 2537 ดัชนีขึ้นมา 1,689.16% ภายในเวลา 18 ปี 9 เดือน ซึ่งยังไม่นับรวมอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อีกประมาณ 3-4% โดยเฉลี่ย  หลังจากนั้นมา ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งที่เริ่มตั้งแต่ปี 2541 ดัชนีจากที่เคยยืนอยู่ 1,789.16 จุด ลงไปต่ำสุด 204.59 จุดในเดือนกันยายน 2541 เท่ากับว่าดัชนีที่ทำมาภายในเวลาเพียง 4 ปี 8 เดือน  ได้หายไปถึง 1,584.57 จุด หรือ หายไป88.60% 

ชาวหุ้นว่าไง...!!!  เอาประชาธิปไตย หรือ เผด็จการ

อย่างไรก็ตามการทำสถิติใหม่  All Time High ครั้งนี้แตกต่างจาก 24 ปีที่แล้วหรือไม่  เพราะในปี 2537 ดัชนีแตะสูงสุด 1,789 จุด ก่อนขะไหลลงมาเหลือ 204.59 จุดในเดือนกันยายน 2541ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งลอยค่าเงินบาท 
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส  ASP มองว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ ต่างจาก 24 ปีก่อน เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆ แข็งแกร่งกว่ามาก เช่น
 •สิ้นปี 60 GDP ของไทย คาดว่าจะอยู่ที่ 14.83 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า 4.5 เท่า เมื่อเทียบกับสิ้นปี 36 ซึ่งอยู่ที่  3.26 ล้านล้านบาท
 •มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 60 อยู่ที่ 17.59 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า 5.3 เท่า เทียบกับปี 36 ซึ่งอยู่ที่ 3.33 ล้านล้านบาท
 •Valuation ที่ SET Index 1,789 จุด มีค่า PER สิ้นปี 60 และสิ้นปี 61 ที่ 18.06 เท่า และ 15.77 เท่า ตามลำดับ ถูกกว่ามาก เมื่อเทียบกับปี 36 และ 37 ซึ่งอยู่ที่ 31.84 เท่า และ 27.93 เท่า
 • กำไรต่อหุ้น EPS ในปี 60 และ 61 คาดไว้ที่ 99.10 และ 113.50 บาทต่อหุ้น ดีกว่ามาก เมื่อเทียบกับปี 36 และ 37 ซึ่งอยู่ที่ 56.19 และ 64.07 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ
 อย่างไรก็ตาม หากตลาดจะปรับฐานลงบ้าง ก็เชื่อว่าเป็นเพียง “จุดพัก” ก่อนจะเดินทางขึ้นไปต่อ (อ่านบทวิจัยฉบับเต็มได้ที่ ASP Smart)
#AsiaPlusGroup #Research #SETIndex #AllTimeHigh #เปรียบเทียบหุ้นไทยปีนี้กับ24ปีที่แล้ว