ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.deepsnews.com

ถือเป็นข่าวใหญ่ในวงการสื่อสารมวลชน   จากข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะว่า   บมจ.เนชั่น  มัลติมีเดีย มีมติแต่งตั้ง  “สนธิญาณ  ชื่นฤทัยในธรรม” ให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ บมจ.เนชั่น  มัลติมีเดีย   โดยมีผลตั้งแต่วันที่  17  ม.ค. 2561  เป็นต้นมา

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

แน่นอนเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรสำหรับสื่อยักษ์ใหญ่  อย่าง “เครือเนชั่น”  ทิศทางขององค์กรจะเดินไปสู่จุดใด  ภายใต้คณะกรรมการชุดใหม่ ที่มีชื่อ “สนธิญาณ”  ผู้ก่อตั้ง สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นและสำนักข่าวทีนิวส์  ร่วมอยู่ในคณะกรรมการชุดดังกล่าว   ในขณะที่ธุรกิจสื่อกำลังถดถอยและ"เครือเนชั่น"  เองกำลังวิกฤติหนักจนผู้บริหารเดิมต้องกระโดดเรือหนีองค์กรที่สร้างมากับมือไป โดยทิ้งหนี้ก้อนใหญ่ไว้ให้เป็นภาระ ตามข้อมูลปรากฎเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

เมื่อย้อนวัดจากประสบการณ์การทำงานด้านสื่อสารมวลชนกว่า 30 ปีที่ผ่านมาของ “สนธิญาณ   นับแต่เริ่มต้นเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนาม   จนกลายเป็นผู้บริหารองค์กรสื่อที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง  เพราะมีมุมมองการบริหารธุรกิจสื่อที่ก้าวล้ำนำกระแสอยู่ตลอดเวลา   

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

       

ย้อนรอยเส้นทางการทำงานด้านสื่อสารมวลชน  ของ“สนธิญาณ”  เริ่มต้นจากฝึกทำข่าวกับ "ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์"  ซึ่ง"สนธิญาณ"ถือว่าเป็นครูของเขา ที่นิตยสาร"อาทิตย์"และ"ข่าวพิเศษ"และเริ่มเป็นนักข่าวเต็มตัวที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3  ในฐานะนักข่าวปกติธรรมดา  แต่ด้วยขีดความสามารถทำให้เขาก้าวสู่ตำแหน่ง  หัวหน้ากองบรรรณาธิการ ควบคุมการผลิตข่าวสถานีโทรทัศน์ชั้นนำแห่งหนึ่งของปรเทศ ในวัยเพียง  28  ปี ก่อนจะมาร่วมทุนกับ"ชัชรินทร์"อีกครั้งทำ“ข่าวพิเศษ" และดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ

 

  แต่ความสำเร็จจริงๆ  ที่ทำให้ชื่อของ “สนธิญาณ”  เริ่มรู้จักในวงกว้างมากขึ้น  คือการที่เขา"ปฏิวัติ"วงการข่าววิทยุ  โดยการจัดตั้งสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น  (INN)   สร้างต้นแบบสถานีข่าวทางวิทยุ 24 ชั่วโมงเป็นคนแรกของประเทศไทยจนโด่งดังไปทั่วประเทศ

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

   

รวมถึงยังเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งสถานีวิทยุ"ร่วมด้วยช่วยกัน"เพื่อบริการสังคมเต็มรูปแบบ  โดยเฉพาะการส่งเสริมให้กำลังใจผู้คน  รู้จักแบ่งปันน้ำใจ  ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ตามแนวคิดที่ว่า “สังคมดี  คนมีน้ำใจ”  จนกลายเป็นต้นแบบให้กับสถานีวิทยุแนวสร้างสรรค์สังคมในยุคต่อๆมา   ที่สำคัญ ทั่ง 2 สถานีได้รับความนิยมสูงสุด จนโฆษณาเต็มล้นประสบความสำเร็จทางธุรกิจ จนค่ายใหญ่ต้องเดินตามแม้แต่"เนชั่น"

 

ไม่เท่านั้น “สนธิญาณ” ยังนำพาองค์กรข่าว “ ไอเอ็นเอ็น”  ก้าวข้ามยุคข่าวสารที่ผู้บริโภคต้องรอคอยเวลาเข้าถึงข่าวสาร  เป็นการนำข่าวสารส่งถึงตัวผู้บริโภคโดยตรง  ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ โดยการคิดค้นการให้บริการข่าวแบบ SMS    ร่วมกับ" สมชัย เลิศสุทธิวงศ์"แห่ง  AIS ซึ่งในระยะเวลานั้น  โทรศัพท์มือถือกำลังเป็นเทคโนโลยีสื่อสารใหม่สำหรับคนไทย  จนสร้างปรากฏการณ์ทางธุรกิจข่าวสาร  ที่ทำกำไรให้กับ ”บริษัทไอเอ็นเอ็น มัลติมีเดีย”   หลายร้อยล้านบาทในช่วงเวลาไม่กี่ปี  ประเด็นสำคัญถือเป็นการตอบโจทย์โลกข่าวสารที่ต้องการความฉับไว ทันสถานการณ์อย่างแท้จริง

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

 

ก่อน “สนธิญาณ” จะแยกตัวมาเปิดสำนักข่าวใหม่ในชื่อ  “สำนักข่าวทีนิวส์”   มีจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจข่าวสารทั้ง SMS  และ  คิดค้นให้บริการใหม่เพิ่มขึ้นเรียกว่า MMS   ซึ่งเป็นการบริการข่าวสารที่มีทั้งเนื้อหาและภาพ ประกอบ  ผ่านโทรศัพท์มือถือ  รวมทั้งยังขยายธุรกิจสื่อไปสู่การเปิดช่องสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ในชื่อ “ทีนิวส์ ทีวี”  ยืนหยัดชัดเจนในการพิทักษ์ ปกป้องสถาบันเบื้องสูง  และรุกรบต่อสู้ทางความคิดกับกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาบั่นทอนทำลายความสามัคคีคนในชาติ  ทั้งการทุจริตคอร์รัปชั่น  และการแสวงหาผลประโยชน์จากการกำหนดนโยบายแห่งรัฐ   ซึ่งหลายคนเรียกว่า “ระบอบทักษิณ” 

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

 

อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่ง “สำนักข่าวทีนิวส์” ก็ต้องเผชิญหลากหลายปัญหา  แต่ด้วยแนวทางที่ยืนหยัด ชัดเจน  และมุมมองด้านการข่าว ภายใต้หลักคิด “ปัญญา  อิสระ  ทันสถานการณ์”    ก็ทำให้ “ทีนิวส์ ทีวี”  กลายเป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม   ที่มีเรทติ้งเป็นอันดับ 1 หลายเดือนต่อเนื่อง

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

 

แต่ที่สุดด้วยอุดมการณ์ในการต่อสู่กับ"ระบอบทักษิณ" จึงถูก"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ขอร้องให้มาร่วมเคลื่อนไหวในนาม "กปปส. เพื่อเผด็จศึก"ระบอบทักษิณ" จน "คสช."เข้ายึดอำนาจ และสั่งปิด"สถานี ทีนิวส์ทีวี"  ทำให้รายได้จากโฆษณาที่เคยหล่อเลี้ยงสถานีต้องกลายมาเป็น"สูญ"บาทขาดรายได้มาหล่อเลี้ยงธุรกิจ “สนธิญาณ” เลือกจะไม่ทอดทิ้งพนักงานทุกชีวิต ด้วยการรักษาสถานภาพรายได้ไว้เหมือนเดิมทุกบาทสตางค์   จนเป็นที่มาของหนี้สินที่พอกพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมๆกับการผลักดันให้  "สำนักข่าวทีนิวส์ "เดินเข้าสู่ดิจิตอลเต็มรูปแบบ   โดยการผลิตข่าวสารนำเสนอผ่านเวปไซด์  เฟสบุ๊ก  และ เครือข่ายโซเชียลทั้งหมด 

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

 

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

 

และในยุคทีวีดิจิตอล   “สำนักข่าวทีนิวส์”    ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ผลิตข่าวสารทางโทรทัศน์  ผ่าน “สถานีไบรท์ทีวี”  และ  “สปริงนิวส์ ทีวี”   โดยมี “สนธิญาณ” เป็นแม่ทัพสำคัญในการกำหนดทิศข่าวและการก้าวต่อไปในเชิงธุรกิจขององค์กร  จนปัจจุบันมีรายได้ต่อปีเกือบ 200 ล้านบาท 

  

จนทำให้วันนี้  "สำนักข่าวทีนิวส์"  กลับมายืนหยัดอยู่ได้โดยสามารถทำกำไรเลี้ยงองค์กรได้ โดยการปิด "สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทีนิวส์ทีวี"  เพราะเห็นว่าหมดยุคหมดเวลาแล้ว 

 

แม้จะถูกซ้ำเติมจากผู้คนในวงการสื่อ ว่าเวลาของ"สนธิญาณ" จบแล้ว แต่เพียงปีเศษๆ "สำนักข่าวทีนิวส์"  กลับมายืนได้ ในขณะที่สื่ออื่นๆ อยู่ในภาวะทดถอยและวิกฤติ

    

แต่สิ่งที่มากกว่านั้น   คืออุดมการณ์อันแน่วแน่ของ “สำนักข่าวทีนิวส์”   และที่ลืมไม่ได้ก็คือแรงสนับสนุนจาก “ฉาย บุนนาค” กัลยาณมิตรทั้งทางโลกและทางธรรม  ที่ข้ามาโอบอุ้มให้กู้เงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยในยามที่มีปัญหาสุดๆ จนทำให้เขาตั้งสัจจะวาจาว่าจะตอบแทนทน้ำใจที่ “ฉาย บุนนาค”  จุนเจือ  “สำนักข่าวทีนิวส์”  ให้สามารถผ่านพ้นภาวะวิกฤตมาได้ ในทุกรูปแบบในสิ่งท่ี"ชอบประกอบด้วยธรรม" ตามวิสัยของลูกผู้ชายของ"สนธิญาณ"

 

จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของ"สนธิญาณ"กับ "ฉาย"นั่นคือเรื่อง "ธรรมะ" ทั้งคู่เดินสายทำบุญในแนวทางวัดป่า ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ จน"ฉาย"ประกาศกับ"สนธิญาณ"ว่าเลิก "เทรดหุ้น" เพื่อยุติคำครหาต่างๆ จะเดินเข้าสู่การบริหารธุรกิจในกลุ่มอย่างเต็มตัว

 

ความท้าทายครั้งใหม่!! ไม่ธรรมดาแน่ๆ “สนธิญาณ” ลั่นคำ..นี่คือภารกิจสุดท้ายของชีวิต ร่วมกอบกู้ # "เครือเนชั่น" !??

 

ท้ายสุดเมื่อ   “ฉาย บุนนาค”  ประกาศเป็นผู้นำทัพ บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS)  ด้วยตัวเอง “สนธิญาณ”  จึงตัดสินใจนำ “สำนักข่าวทีนิวส์”  เข้าเป็นส่วนหนึ่งในองค์ธุรกิจสื่อชั้นนำอย่าง บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น    และรวมถึงจัดสรรเวลาที่ตั้งใจจะมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมมาช่วยเหลือผู้มีพระคุณ ในการเข้าทำหน้าที่เป็นกรรมการบมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย  ด้วยจุดประสงค์เดียวคือการทำให้ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย  กลับมาแข็งแรงในเชิงธุรกิจ  และมีศักยภาพสูงสุด สำหรับการเป็นองค์กรสื่อที่มีคุณภาพเหมือนท่ีเคยเป็นมา

 

คนใกล้ชิดรู้ว่า  "สนธิญาณ"  นั้นเข้าสู่ทางธรรมมาเกือบ 20  ปีแล้วและยืนยันตลอดมาว่าอยากหลุดพ้นในชาตินี้ไม่อยากเวียนเกิดเวียนตายอีกแล้วจึงวางแผนที่จะวางมือตลอดมา เมื่อเมื่อปีทีผ่านมาได้ตั้ง "ฉัตรชัย ภู่โคกหวาย" มือขวาขึ้นเป็นกรรมการผู้อำนวยการ และ "กิ่งการะเกด "  ลูกสาวเป็นกรรมการผู้จัดการ

 

 ก็ต้องจับตาดูว่าภารกิจสุดท้ายของชีวิต"สนธิญาณ" คือร่วมกอบกู้"เครือเนชั่น" นั้นจะสำเร็จหรือไม่??!!