- 09 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
แม้ก่อนหน้านี้จะมีคำถามว่าผู้บริหารใหม่ "เนชั่น" กล้าดีอย่างไร? ถึงประกาศปีนี้จะคุ้มทุน ทั้งที่ 2 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนมากถึง 3,500 ล้าน แต่หลังจากที่ทีมบริหารใหม่ "เนชั่น" เข้าไปประชุมคณะกรรมการ และมีมติตั้ง "ทีมงานยุทธศาสตร์" ให้ "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม "รับผิดชอบเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาของเนชั่น!!! ดูเหมือนว่าแรงเหวี่ยงในเชิงลบเริ่มลดลงเป็นลำดับ จนชัดเจนว่า ณ สถานการณ์ปัจจุบันทุกอย่างกำลังจะเป็นบวก!! (คลิกอ่านข่าวประกอบ : กล้าดีอย่างไร!!ผู้บริหารใหม่ “เนชั่น” ถึงประกาศนำธุรกิจคืนจุด “คุ้มทุน” ในปีนี้ จากตัวเลขขาดทุนกว่า 3.5 พันล้าน เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา!?? )
ล่าสุด ๆ แผนพัฒนาพื้นสถานการณ์ธุรกิจ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย มีความคืบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยทางด้านบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ขณะที่ "สมชาย มีเสน" กรรมการและประธานบริหาร บมจ. เนชั่นฯ ยืนยันในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 ว่า คณะกรรมการชุดใหม่ที่เข้ามามีความตั้งใจจะผลักดันให้กลุ่มเนชั่นฯ กลับมาฟื้นให้ได้ จากที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาที่ไม่ค่อยดีนักตามปรากฎเป็นข่าวก่อนหน้านี้
เริ่มต้นจากกาที่บริษัทตัดสินใจปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่แบ่งเป็น 4 กลุ่ม โดยเน้นในธุรกิจที่มีความชำนาญ คือ การผลิตสื่อที่น่าเชื่อถือ เริ่มจาก...
กลุ่มที่ 1 เป็นธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ 3 ฉบับประกอบไปด้วย กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น และคมชัดลึก
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจสื่อทีวี 2 ช่อง ประกอบด้วย Nation 22 และ ช่อง NOW 26
กลุ่มที่ 3 ดิจิทัล เป็นการนำเสนอบนแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต (OTT) ทั้งคมชัดลึก เนชั่นสุดสัปดาห์ กรุงเทพธุรกิจ และ ช่อง Nation 22
กลุ่มที่ 4. อีเว้นส์ มีทั้งรายการกีฬา งานเอ็กซ์โป งานรางวัล อบรมสัมมนา และการฝึกอาชีพ
โดยแผนทั้งหมดนี้กรรมการบมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย ตั้งเป้าหมายให้ปี 2561 สามารถถึงจุดคุ้มทุนและรับรู้กำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งประเมินว่ารายได้จะอยู่ที่ตัวเลขประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ครอบคลุมต้นทุนการดำเนินงานได้ครบถ้วน ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมหารายได้เพิ่มเติมในส่วนของนิวมีเดียจากคอนเทนส์ที่มีอยู่แต่ในอดีตไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ส่วนนี้
ทั้งนี้เมื่อแบ่งเป็นเป้ารายได้ปีนี้จะมาจากกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ ยอดขายโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์ 3 ฉบับประมาณ 470 ล้านบาท ขายหนังสือพิมพ์ 150-180 ล้านบาท และจากนิวมีเดีย 50 ล้านบาท กลุ่มทีวีคาดว่ามีรายได้โฆษณาจากช่องทีวีดิจิทัล 600 ล้านบาท นิวมีเดีย 50-60 ล้านบาท
"สำหรับรายได้ใหม่จากกลุ่มดิจิทัลมาจากนิวมีเดีย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามผ่านระบบโซเซียลประมาณ 18 ล้านคน แบ่งเป็น ช่องเนชั่น 22 มี10.83 ล้านคน คมชัดลึก 4.05 ล้านคน เนชั่นสุดสัปดาห์ 1.89 ล้านคน และกรุงเทพธุรกิจ 1 ล้านคน สามารถทำรายได้ในระดับ 30,000 บาทต่อวันจากอดีตอยู่ที่หลักพันบาทต่อวัน ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 3 ปี 2561 จะดันรายได้ในส่วนนี้เป็น 1 แสนบาทต่อวัน"
"สมชาย มีเสน" กรรมการและประธานบริหาร บมจ. เนชั่นฯ ให้ข้อมูลสำคัญด้วยว่า นอกจากหาโอกาสเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทแล้ว ทางกรรมการบริษัทมีแผนเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในอดีต หลังจากตรวจสอบงบการเงินปี 2560 พบว่ามีความผิดปกติจากเงินค้างชำระ 790 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2558-2560 และ60 % ในจำนวนดังกล่าวเป็นรายการที่ไม่มีจริง ทำให้ไม่สามารถรองรับงบการเงินได้ แต่จากการตรวจสอบแล้วเสร็จและมีการดำเนินการทางกฎหมาย จะมีการส่งงบการเงินปี 2560 ให้ทันภายในเดือนเม.ย.2561
สำหรับปัญหาหนี้สินที่สูงถึง 1,500 ล้านบาท ทางคณะกรรมการไม่ได้นิ่งนอนใจ และหาทางชำระเงินที่มีอยู่ โดยมีเจรจากับเจ้าหนี้ให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่จากเดิมสูงถึงเลขสองหลักลงมาเป็นอัตรากู้ในตลาด รวมไปถึงการนำสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก เช่น ที่ดิน โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัย ช่องวาไรตี้ประมูลขายให้กับผู้ที่สนใจ แต่ยังติดปัญหาที่ราคายังไม่สามารถตกลงได้ ดังนั้นบริษัทจะมีการดูราคาตลาดและความคิดเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดก่อนจะนำมาเสนอประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งในเดือน มิ.ย. นี้
"อันไหนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักจะขายออกไป หากกรณีเลวร้ายไม่สามารถขายได้จะดำเนินการหาผู้เชี่ยวชาญมาบริหาร ซึ่งคณะกรรมการและผู้บริหารมีความมั่นใจว่าจากการประเมินแผนจะทำให้ปีนี้บริษัทกลับมาดีขึ้นได้ ยิ่งหากรัฐบาลช่วยพักชำระหนี้ 3 ปี มีเงินสดเพิ่มขึ้นและบันทึกเป็นกำไรในปีนี้เช่นกัน"