ข่าวดีแชร์บอกต่อ!!มติกบง.เดินหน้าปรับเกณฑ์คำนวณราคาหน้าโรงกลั่น เบิ้ลโชค2ชั้นลดเงินกองทุนอนุรักษ์ด้วย น้ำมันขายปลีกจ่อลงแรงเร็วๆนี้!??

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ถือเป็นข่าวดีสุดๆ สำหรับผู้ใช้รถยนต์ทุกชนิด  เมื่อมีรายงานข่าวว่า  ทางด้าน   นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ได้กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)  ว่า  ที่ประชุมกบง.มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่น  โดยสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่แม้จะยังอิงราคา FOB สิงคโปร์เช่นเดิม   แต่จะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องมาตรฐานไปอิงน้ำมันยูโร 4 แทนมาตรฐานยูโร 3  โดยหลักการสำคัญก็เพื่อตัดค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันออกและลดค่าพรีเมียมออกไป  เนื่องจากมาตรฐานน้ำมันยูโร 4 ในปัจจุบันมีการซื้อขายมากขึ้น และสามารถนำมาอ้างอิงได้มากกว่า จึงมีความจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง  ส่งผลให้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นส่วนของดีเซลจะลดลงไป   41 สตางค์ต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 43 สตางค์ต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 (E10) ลดลง 61 สตางค์ลิตร และเมื่อรวมกับการลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ลง 15 สตางค์ต่อลิตร   จะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันขายส่งลดลงได้ถึง 60-80 สตางค์ต่อลิตร

“ราคาน้ำมันดิบขณะนี้มีการขึ้นลงค่อนข้างผันผวน 3-4 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล โดยเบรนต์ล่าสุดอยู่ที่ 70-73 เหรียญต่อบาร์เรล   ผลการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ตนหวังว่าจะช่วยลดภาระกับประชาชนได้  โดยเฉพาะราคาขายปลีกน้ำมันที่ลดได้ทันทีคือ 15 สตางค์ต่อลิตร ในส่วนของการลดเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อนหน้านี้แล้ว  ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ก่อนหน้าที่ให้ลดอัตรานำเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ลง 15 สตางค์ต่อลิตร เป็นเวลา 2 ปี แต่ราคาหน้าโรงกลั่นโครงสร้างนี้อิง ณ วันที่ 20 เม.ย.  ขณะที่ผู้ค้าต้องไปพิจารณาจะลดลงราคาขายปลีกมากน้อยเพียงใดก็อยู่ที่ค่าการตลาดซึ่งต้องดูตลาดโลกด้วย” 

ข่าวดีแชร์บอกต่อ!!มติกบง.เดินหน้าปรับเกณฑ์คำนวณราคาหน้าโรงกลั่น เบิ้ลโชค2ชั้นลดเงินกองทุนอนุรักษ์ด้วย น้ำมันขายปลีกจ่อลงแรงเร็วๆนี้!??

ศิริ จิระพงษ์พันธ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

 

 

ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ยืนยันว่ามติดังกล่าวไม่ได้ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ว่าด้วยข้อห้ามเรื่องประชานิยม เพราะเป็นการปรับโครงสร้างให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้นและได้หารือกับภาคเอกชนทั้งหมดแล้ว ขณะเดียวกันแนวทางการลดผลกระทบราคาน้ำมันดังกล่าว  ไม่ไช่จะทำให้ราคาขายปลีกคงเดิมตลอดไป  เพราะท้ายสุดต้องอยู่ที่ภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกด้วย   ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงการประหยัดการใช้เชื้อเพลิงด้วย  โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินสะสมอยู่ 3.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานมีสะสมประมาณ 4.1 หมื่นล้านบาท


สำหรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว  โดยมาตรฐานเป็นการใช้อ้างอิงเพื่อเป็นแนวทางคำนวณการจัดเก็บเงินภาษี เงินกองทุนและค่าการตลาดน้ำมัน ในขณะที่การซื้อขายหน้าโรงกลั่นเป็นไปตามสภาพตลาดการค้าเสรี  ขณะที่มาตรฐานน้ำมันในประเทศไทยคงมีความแตกต่างกับมาตรฐานน้ำมันอ้างอิงที่สิงคโปร์ ทำให้ต้องมีการปรับส่วนต่างคุณภาพด้วย