ชีวิตตลกแต่ไม่ตลก!?! ย้อนอดีตของตลกอาวุโส “เพชร ดาราฉาย” จากวันนั้นมาถึงวันนี้ถ้าเลือกได้ “ผมจะไม่เป็นตลก”

ชีวิตตลกแต่ไม่ตลก!?! ย้อนอดีตของตลกอาวุโส “เพชร ดาราฉาย” จากวันนั้นมาถึงวันนี้ถ้าเลือกได้ “ผมจะไม่เป็นตลก”

          ทำเอาโศกเศร้าทั้งวงการ หลังทราบข่าวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ว่าศิลปินตลกอาวุโส “เพชร ดาราฉาย” อายุ 79 ปี ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 11.00 น. โดยพิธีการจะจัดขึ้นที่มัสยิดนูรุ้ลอิบาดะห์ อ่อนนุช 70 และจะมีพิธีฝังศพในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. สำหรับตลกอาวุโส เพชร ดาราฉาย ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้จนลามไปถึงตับ ทำให้เชื้อมะเร็งอยู่เต็มช่องท้อง 
            “เพชร ดาราฉาย” อายุ 79 ปี หลายคนเกิดมาได้รับความสุขจากผู้ชายคนนี้ หนึ่งผู้บุกเบิกในวงการตลกไทย หลังจากป๋าต๊อกมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อายุ 20 ปี เมื่อ "เพชร ดาราฉาย" เข้าสู่วงการตลก แต่เรื่องราวชีวิตเขาไม่ตลก ตลอด 40-50 ปีที่ผ่านมา ถ้าเลือกได้เขาจะไม่ไปเป็นตลกเพราะในวันที่ "เพชร ดาราฉาย" ยังมีลมหายใจอยู่ หวังว่าจะทำให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้รู้ว่า ชีวิตในวงการบันเทิงที่ทำให้คนไทยหัวเราะนั้นไม่ตลกอย่างที่คิด เขามีมีชื่อมุสลิมว่า “รอซีดี” ดาราฉาย แกบอกว่า "พูดเป็นแต่แปลไม่เป็น"

ชีวิตตลกแต่ไม่ตลก!?! ย้อนอดีตของตลกอาวุโส “เพชร ดาราฉาย” จากวันนั้นมาถึงวันนี้ถ้าเลือกได้ “ผมจะไม่เป็นตลก”

     อดีตดาวตลกชื่อดัง ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 79 ปี ป๋าเพชรเล่าติดตลกว่า “สมัยก่อนใครเจอไส้ตั่นอย่างผม ซาราบั่นก็ปลิว (หัวเราะ) ป๋าเพชรเป็นคนอ่อนนุช ละแวกหัวป่า (ใกล้มัสยิดอัลเอี๊ยะติซอม) กรุงเทพฯ เดิมเลี้ยงควายจากคลองเคล็ดจูงไปถึงย่านห้างซีคอนสแควร์ (ศรีนครินทร์) ที่ดินสมัยนั้นราคาตารางวาละ 50 บาท ยังไม่มีใครซื้อ ส่วนที่หลายคนได้ยินชื่อซอยดาราฉายนั้น ไม่ใช่ของป๋าเพชร แต่เป็นของญาติมีประมาณ 3-4 ซอย

ย้อนชีวิตวัยเด็ก (เกิดบ้านนึงแต่โตบ้านเพื่อน)
         “ถนนพัฒนาการ หรือเดิมเรียกว่าบ้านป่า (คลองกะจะ) คนแถวนั้นถือว่าเป็นหัวถนน ยาวไปแถวหัวหมาก มีแต่คนไถนาถอนกล้าเต็มไปหมด ป๋าเพชรเป็นลูกของ “อาซีส ดาราฉาย” คุณพ่ออาซีสมีพี่น้อง 8 คน ต้องอาศัยไปกับเยาะห์ (พ่อ) เป็นลูกจ้างไถนาถอนกล้าให้เขา เกี่ยวข้าวให้เขา ไม่มีบ้านของตัวเอง เยาะห์ (พ่อ) เป็นคนสนุกสนาน ส่วนมะ (แม่) เสียชีวิตตอนป๋าเพชร 5 ขวบ จึงไม่ได้รับความอบอุ่น ป๋าเพชรเล่าขยายความให้ฟังว่า มะ (แม่) เสียตอนคลอดน้อง หรืออาจเรียกว่าตายทั้งกลม แต่สุดท้ายหมอตำแยช่วยชีวิตน้องรอด แต่มะ (แม่) ต้องเสียชีวิตไป ทำนองว่าแม่ตายแต่ลูกรอด พอน้องเกิดมาได้ไปอยู่กับภรรยาคุณหลวงภักดี (โต๊ะอ้วน)กลับมาที่ชีวิตป๋าเพชร ตอนเด็กๆ ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ ปีนึงได้โสร่งผืน เสื้อผืน หมวกใบ เพราะแม่เขาเลี้ยงดูเราอยู่แล้ว อยู่กับเขา เราต้องทำเองทุกอย่างเพื่อตอบแทนค่าข้าวค่าน้ำ"

ชีวิตตลกแต่ไม่ตลก!?! ย้อนอดีตของตลกอาวุโส “เพชร ดาราฉาย” จากวันนั้นมาถึงวันนี้ถ้าเลือกได้ “ผมจะไม่เป็นตลก”

        “กระทั่งเริ่มโตมาอายุ 16-17 ปี ไปเจองานแสดงดนตรีในโรงแรมแห่งหนึ่ง (กรุงเทพคาลิปโซ่) ของประเสริฐ ปรียาวรรณ จึงเขียนจดหมายให้โฆษกว่า อยากฟัง "เพชร ดาราฉาย" ร้องเพลง (จริงๆไม่มีใครเขียนหรอก) สร้างสถานการณ์เอาเอง 1 เพลงร้องได้ 5 เสียง มาพร้อมปะแป้งยี่ห้อสโนว์ แป้งชนิดนี้เวลาเหงื่อออก น้ำเหงื่อจะไหลเหมือนทางรถไฟ ทำยังไงล่ะเมื่อเขาไม่ให้ขึ้นไปร้องเพลงก็ยังไม่ย่อท้อ ตื๊อต่อจนเขาให้ไปช่วยแบกกลอง ยิ่งพอรู้ว่าคนอาชีพตลกได้ค่าตัวครั้งละ 100 บาท คิดดูละกันสมัยนั้นระดับคณะลูกทุ่งเพลิน พรหมแดน ได้ค่าตัวเทียบกับราคาทองบาทละ 400 บาท จากนั้นมีโอกาสมาอยู่กับสมาชิกเพลิน พรหมแดน คณะนี้เขาได้ตังค์ตั้ง 500 บาท พอเห็นว่าอาชีพตลกรายได้ดีกว่านักร้อง ก็เลยอาศัยไปขอร่วมตามงานทำบุญบ้าน งานวัด แม้ตัวเองเป็นอิสลามก็เข้าวัดได้ เพราะอยากได้ตังค์ จึงคิดอยากเป็นตลก แต่ป๋าเพชรไปหาใครเขาก็ไม่เอา ถึงกระทั่งหัดเล่นเอง จากนั้นมีพรรคพวกกันในวงดนตรีชวนไปเล่น ไม่เคยเรียกค่าตัว แล้วแต่เขาจะให้เป็นทานบุญ (ซอดาเกาะห์) แต่รู้ตัวเองว่ามุกฝืดๆ ทำให้คนหัวเราะยาก จนวันหนึ่ง ศรีสละ ทองธารา ดาราและนักร้อง-นักแสดงตลกชื่อดังในสมัยนั้น ทาบทามไปเล่นตลกด้วยโดยวิธีชวนทะเลาะแล้วให้ป๋าเพชรนอนหงายท้อง ป๋าเพชรเป็นตลกมีความคิดสร้างสรรค์ เขาใส่เสื้อนอกดูแล้วเนี้ยบผูกไทด์เหมือนนักธุรกิจ แต่ใส่เสื้อข้างแบบขาดๆ เซอๆ ใส่กางเกงใหญ่ นุ่งปาติโคท (ผ้าตาข่าย) ไว้ข้างใน พอเขาผลักล้มหรือดึงเสื้อออกจนล้ม กางเกงจะหลุดแล้วเจอปาติโคทอยู่ข้างใน ใครเห็นต้องฮา ฮามากด้วย ไม่ว่าจะเล่นมุกนี้ที่ไหนก็โดน บางงานได้ค่าตัวตั้ง 200-300 บาท ต่อมาได้ไปอยู่กับวงดนตรีไวพจน์ เพชรสุพรรณ มีโอกาสข้ามไปเล่นถึงประเทศลาวตอนอายุเกือบ 30 ปี แล้วไปอยู่ช่อง 5 กับบังอับดุลเลาะห์ (ดำรง พุฒตาล) และไปอยู่ช่อง 7สี ร่วมๆ 3 ปี เล่นครั้งนึงได้ 1,000 บาท สมัยนี้ได้เป็นหมื่นแล้ว เมื่อขึ้นเครื่องบินไปจังหวัดไหน คนเขารู้จักเราหมดทั้งลำ”
             “(ได้รับฉายา “เพชร ดาราไข่” หมายความว่าไง) ไปอยู่อย่างนั้นไม่มีอะไรฮาลาล ไปอีสานไม่มีอะไรกินเลย จนถูกพรรคพวกตั้งชื่อให้ว่า “เพชร ดาราไข่” สิ่งหนึ่งที่ป๋าเพชร ยอมรับว่า ตลอดในวงการตลก ไม่เคยสั่งข้าวเขี่ยหมู ไปเล่นตลกที่ไหนขอเป็นเมนูต้มกินสบายใจกว่า เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นอิสลาม พระเจ้าสั่งห้ามอะไรบ้าง แม้แต่ สูบบุหรี่ กินเหล้า กินเบียร์ ไม่เอา (ช่วงที่ดังที่สุด) ช่วงที่มี เทพโพธิ์งาม จุ๋มจิ๋มเข็มเล็ก ยอดธง พวกกันในสมัยนั้นไม่ต้องนัดมุก กระทั่งวันที่จุ๋มจิ๋มเข็มเล็ก เสียชีวิต เมียป๋าเพชรถามว่า ทำไมถึงได้ร้องไห้ขนาดนั้น ป๋าเพชรตอบว่า “มันเอาตังค์กูไป 4 หมื่นแล้วมันก็ตาย เรามักเห็นป๋าเพชรบนเวทีตลกเล่นสไตล์ยืนนิ่งๆ หง๋อยๆ พอคนอื่นมุกแป็กก็จะโยนมาหาแก วันหนึ่งป๋าเพชรได้เข้าพบ อาจารย์สวาท สุมาลยศักดิ์ อดีตจุฬาราชมนตรี ท่านเป็นคนมีมุกเยอะ เท่าที่จำได้และนำมาเล่นคือ มุกเดือนหรือตะวัน ทำนองว่า ผ่านไปเจอคนบ้า 2 คนคุยกันว่า เดี๋ยวฉันเปิดไฟฉายส่องไปที่ดวงจันทร์ แล้วให้แกปีนขึ้นไปตามลำแสง ลำแสงนั้นจะพาแกไปดวงจันทร์ คนบ้าอีกคนจึงบอกว่า ถ้าฉันปีนขึ้นไป ถ้าแกปิดไฟฉันก็ตกสิ หรือบางทีเป็นมุกถาดตีหัว ซึ่งสมัยนี้เขาห้ามแล้วเพราะแม้จะไม่เจ็บแต่ดูรุนแรง ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหน้าเวทีตลก เคยถูกคนมุสลิมบางคนมีอาการมึนเมา มือข้างหนึ่งกินเหล้า อีกข้างจับผู้หญิง ชี้ว่าต่อหน้าว่า “มาเล่นตลกแบบนี้มันบาปรู้ไหม” ป๋าเพชรจึงย้อนสวนกลับทันควันว่า “มึงล่ะตัวดีเลย”

 

ขอบคุณคลิป : YateemTV1433