*ขยี้ตาแทบพัง!!! เปิดภาพปัจจุบัน "อดีตนางเอกละครพื้นบ้าน" หลังป่วยโรคร้าย ต้องอำลาวงการหลายปี ที่สภาพล่าสุดใครเห็นก็อึ้ง!!! (ชมคลิป)

 

            หลายคนยังจำกันได้ดีกับชื่อของ "เอ๋ อัจฉรา ทองเทพ"  อดีตรองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์ 2535 และในฐานะนางเอกละครพื้นบ้านช่อง7สี ในอดีต โด่งดังสุดๆ จากเรื่อง "ปลาบู่ทอง" หลังล้มป่วยเป็นโรคSLE หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งเป็นโรคเดียวกันกับที่เคยคร่าชีวิตราชินีลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์" บวกกับโรคแทรกซ้อนที่ประดังเข้ามาทั้งโรคหัวใจ และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว  ทำเธอต้องห่างหายจากวงการไปรักษาตัวอยู่นานนับ10ปี 

          

 

 

 

 

               ต่อมาทำเอาแฟนคลับเป็นอันต้องช็อกอีกครั้ง เมื่อเธอป่วยเส้นเลือดอุดตันแถมมีหนองในเลือดจนสะโพกและก้นบวมจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่ง"เอ๋ อัจฉรา ทองเทพ"  อัพเดทอาการผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า เจอหนองอยู่ในสะโพก เบื้องต้นหมอทำการดูดหนองออกมาได้ 1ลิตรกว่า ซึ่งหากช้าอีกนิดโดนตัดขาแน่ เพราะหนองเริ่มกินกระดูก  และแล้วก็เข้าห้องผ่าตัด  โดยต้องเชิญหมอโรคติดเชื้อและหมอข้อสะโพกร่วมผ่าตัดด้วย ล่าสุดมีอาการปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว  ส่วนแผลผ่าตัดก็แห้งแล้ว สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว 

 

 

 

 

.

.

 

 

           โดยเธอเคยเปิดเผยว่า  "ตนมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตนต้องตัดสินใจหันหลังให้วงการบันเทิง ก็คือ อาการป่วยด้วยโรคพุ่มพวง หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง ส่งผลให้สุขภาพของตนเองค่อนข้างมีปัญหาอย่างมาก ซึ่งในครั้งแรกที่รู้ว่า ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ก็ตกใจมาก เพราะไม่รู้ว่าเป็นโรคพุ่มพวงได้อย่างไร และคุณหมอของตนก็ไม่สามารถบอกได้ด้วยเช่นกันว่า โรคพุ่มพวงที่ตนเป็นอยู่นั้น เกิดจากอะไร ตอนนี้ก็ทำได้เพียงทานยาวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 42 เม็ด เพื่อบรรเทาอาการป่วย เนื่องจากโรคพุ่มพวงไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้"

         

 

 

 

 

 

 

 

             ทั้งนี้หลังป่วยโรครุมเร้าเธอได้ตัดสินใจปลงผมบวชชี ที่วัดพระธาตุย่าม่อน อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยก่อนหน้านี้ เอ๋ อัจฉรา ทองเทพ ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น เมธิกาญจน์ ทองสมิทธิ พัฒน์   ซึ่งแม่ชี กล่าวอีกว่า "ล่าสุดมาพบว่าตัวเองเป็นโรคไตวายเฉียบพลัน จึงเกิดความเครียด และคิดว่าเจ้ากรรมนายเวรอาจต้องการอะไรสักอย่าง จึงขอมาสงบจิตใจสักพัก โดยตั้งใจจะบวชชีรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างน้อย 1 เดือน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีกำหนดสึก"

 

 

 

 

 

 

 

.

.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

.

.