ติดตามข่าว http://www.tnews.co.th/

เรื่อง กลิ่นของจุดซ่อนเร้น เรียกได้ว่าเป็นปัญหาตัวแม่สำหรับผู้หญิงเลยนะคะ และจะเป็นประเด็นใหญ่และหนักใจมากหากจะมีกิจกรรมเข้าจังหวะกับแฟนรักของเรา และ..เจ้ากลิ่นเหม็นบูดมันก็จะกระพือเหม็นทุกแรงกระเพื่อม ผ้าห่มคลุมก็เอาไม่อยู่ จนผู้ชายหมดอารมณ์เพราะกลิ่นไปเลยก็มี
      


มีกลิ่นเหม็นเค็มๆ ที่อวัยวะเพศ ใช้น้ำยามาสารพัดชนิดก็ไม่หาย ยิ่งตอนเช้าๆ ตื่นนอน จะเหม็นมากค่ะ กลิ่นคล้ายปลาหมึกตากแห้ง?
      


เวลาที่ทำกิจกรรมกลางคืนกับแฟนแล้ว มีกลิ่นเหม็นคาว เหมือนกลิ่นหัวปลาเน่า อายแฟนมาก กลิ่นมันโชย ตลบอบอวนเต็มห้องตามจังหวะเข้า-ออก?
      


นี่คือส่วนหนึ่งของเสียงจากเพื่อนสาว เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ครั้นจะเล่าให้เพื่อนฟังก็ลำบากใจ ดูเป็นคนสกปรก ไปซะอีก ขนาดล้างแล้วล้างอีก จกทำความสะอาดทั้งวี่ทั้งวัน กลิ่นคาวปลา เหม็นฮานามิ ก็ยังไม่จางหาย อายก็อาย เพื่อนก็ไม่กล้าปรึกษากลัวจะหาว่าไม่ดูแลน้องสาวสุดที่รักจนสกปรกจนกลิ่นออก ไหนจะต้องเหม็นต่อหน้าแฟนอีก
      
 เรามีวิธีมาแนะนำ เพียงแค่เลี่ยงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ค่ะ
 

#เคล็ดลับเด็ด!! “ดับกลิ่นจิ๊มิ” ไม่ให้เกิดความคาว !! ถ้ารู้ตัวเป็นแบบนี้ รีบอ่านก่อนเลย !!


อย่าโกนขนอวัยวะเพศ


        

ไม่ต้องโกนขนบริเวณอวัยวะเพศให้เกลี้ยงเตียนหรอกนะคะ เพราะขนนั้นมีประโยชน์มากแม้จะรกดูรุงรังไปหน่อยก็ตาม ด้วยขนนั้นมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลิ่นจากภายในออกมาเหม็นคลุ้งข้างนอก
      
       
นอกจากไม่โกนแล้ว ไม่ควรดึง แว็กซ์ ถอน เพียงแค่ตกแต่งให้เป็นรูปเป็นทรง หรือเล็มปลาย สไลด์กรุบกริบ อย่าปล่อยเซอร์มากจนใส่กางเกงในแล้วแลบออกข้างก็เพียงพอ
ทว่าขนอวัยวะเพศเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ช่วยป้องกันเชื่อโรคเข้าสู่ช่องคลอดได้ และช่วยลดแรงเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์ แถมช่วยควบคุมอุณหภูมิแก่อวัยวะ ไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงพรวดพราดอีกซะด้วย
     


       

อย่าใส่ยีนส์คับติ้ว
      
       

ปรัชญาการดูแลจุดซ่อนเร้นก็ง่ายๆ เหมือนกับการดูแลซอกหลืบของบ้าน คือ ต้องแห้ง โล่งโปร่ง สบาย อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องถึง ต้องไม่อับชื้น?

นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ แนะนำการดูแลอวัยวะเพศหญิงอย่างเห็นภาพเลยค่ะ
      
       
เมื่อก่อนผู้หญิงไม่ค่อยมีกลิ่นจากของสงวนเพราะวิถีชีวิตสมัยก่อนผู้หญิงนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่น ไม่ใส่ชุดชั้นใน ทำให้ไม่เกิดการอับชื้น แห้ง ลมโชย เมื่อวิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไป วัยรุ่นสมัยใหม่นิยมใส่ยีนส์แน่นคับรัดติ้ว
      
       
การแต่งกายยุคใหม่จึงทำให้เกิดความอับชื้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลวิจัยทางการแพทย์ออกมาแล้วว่า ผู้หญิงที่ใส่กางเกงยีนส์มีโอกาสติดเชื้อรามากกว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้ใส่ถึง 3 เท่า?
      
อ้อ! และเมื่อคุณอยู่บ้านให้ห้องส่วนตัวการใส่กางเกงในก็ไม่จำเป็นนะคะ ควรปล่อยโล่งซะบ้างจะได้ไม่อับชื้น
     


       

ทำความสะอาดแบบเช็ดหลังมาหน้า

        

ค่ะ นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่น เพราะบางคนอาจลืม หรือทำเป็นนิสัยด้วยการเช็ดทำความสะอาดหลังจากขับถ่ายแล้วแบบจากหลังมาหน้า
      
       
คิดดูสิคะ ว่าคุณได้ลากเอาเชื้อโรคจากรูทวารหนักเข้ามาทางช่องคลอด มันสกปรกขนาดไหน
      
       
ทว่าเชื้อโรคนี้เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดกลิ่น พอเข้าไปอาศัยอยู่ในช่องคลอด ได้แป้งจากในช่องคลอดเป็นอาหาร ดังนั้นมันก็ยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้น แถมยังหมักเกิดกลิ่นคาวปลาบูด เหม็นจนอายตัวเองเลยล่ะค่ะ
     

 
      

ไม่ใช้น้ำยาเฉพาะจุดซ่อนเร้น
      
       
หลายคนคงทราบดี แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ยังใช้อยู่ บางคนก็กลัวล้างแค่น้ำเปล่า หรือสบู่จะไปสะอาดได้อย่างไร ขอบอกเลยค่ะว่า สะอาดและรักษาสมดุลจุดซ่อนเร้นของคุณได้เลิศมาก
      
       
ที่บอกว่าสบู่ล้างเฉพาะจุดซ่อนเร้นไม่ควรใช้นั้น เพราะสบู่จะไปฆ่าแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยรักษาส่วนนั้นของเราจนตายไปหมด จะทำให้ติดเชื้อง่ายอีก อีกทั้งยังแต่งสีแต่กลิ่นจนฉุนรุนแรงขึ้น ทางที่ดีควรล้างน้ำเปล่า หรือสบู่เด็กล้างก็เวิร์คแล้วค่ะ
      
       
อ้อ! เวลาเข้าห้องน้ำตามห้าง หรือที่สาธารณะ ก็ไม่ควรใช้หัวฉีดนั้น ในการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยนะจ๊ะ ควรพกทิชชู่ติดตัวไปเช็ดจะดีกว่า เนื่องจากหัวฉีดนั้นอาจมีเชื้อราแอบแฝงอยู่ที่ ใช้กระดาษชำระที่มีความอ่อนนุ่มซับเบาๆ แล้วค่อยมาทำความสะอาดจัดเต็มที่บ้านเราดีกว่า
      
       

อย่าสวนล้างช่องคลอด
      
       
สาวๆ บางคนมักคิดว่า การสวนล้างช่องคลอดจะทำให้สะอาดล้ำลึกทุกซอกหลืบ ผิดค่ะ!

การสวนล้างช่องคลอดจะทำให้ช่องคลอดมีภาวะเป็นด่างเกินเหตุ จำนวนแบคทีเรียที่สร้างกลิ่นจึงสูงขึ้น ในขณะที่แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสมีจำนวนลดลง อีกทั้งยังเป็น ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดช่องคลอดอักเสบด้วยนะคะ
      
 
     

กินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ

        
การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือบางคนกินยารักษาสิวเป็นเวลานานก็ไม่หยุดกินสักทีนั้น
      
       
ยาปฏิชีวนะจะไปทำลายเจ้าเชื้อแบคทีเรีย "แลคโตบาซิลลัส" ที่มีหน้าที่ฆ่าเชื้อราในช่องคลอด ทีนี้จึงเป็นโอกาสให้เชื้อราเจริญเติบโตอยู่ภายในช่องคลอด ตกขาวหรือกลิ่นก็จะตามมาจนเซ็งไปตามๆ กัน
     

       

เลี่ยงแผ่นอนามัย
      
       
ใส่แผ่นอนามัยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรใส่ทุกวัน เพราะคิดว่าสะอาดดี หรือใช้เฉพาะวันที่มีตกขาว หรือวันท้ายๆ ของการมีประจำเดือนแค่ 2-3 วันก็เพียงพอแล้ว ควรปล่อยให้ช่องคลอดของเราได้มีอากาศถ่ายเทลมเข้าบ้างอะไรบ้าง เพราะการใส่แผ่นผ้าอนามัยนั้นยิ่งทำให้น้องหนูอับชื้นสุดๆ
      
       
และในช่วงที่เป็นประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2 ชั่วโมง ความอับชื้นจะทำให้แบคทีเรียในผ้าเติบโตได้ดี จนคุณอาจจะติดเชื้อในช่องคลอด
     


       

ตาก กกน.ในที่ร่ม แดดส่องไม่ถึง

        
บางคนซักกางเกงในเสร็จก็พาดราวไว้ในห้องน้ำ คิดว่าสะดวกดี เดี๋ยวก็แห้ง หรือกางเกงในอาจจะไม่สวยหรือย้วยยานเหลืองอ๋อยจึงไม่กล้าออกไปตากในที่โล่งแจ้งก็ไม่ทราบ
      
       
การตากในที่ร่มจะทำให้เกิดเชื้อราขึ้น สาเหตุของการติดเชื้อราเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เกิดจากการตากในที่อับชื้นหรือไม่โดนแสงแดด โดยเฉพาะผ้าไนลอนจะสามารถติดเชื้อราได้ง่าย ควรเลือกกางเกงในที่ผลิตจากผ้าฝ้าย เพราะเกิดเชื้อราได้ยาก และระบายความอับชื้นได้ดีกว่าค่ะ
      
       
และกางเกงในก็ไม่ควรใส่จนเก่านะคะ เพราะจะเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี เมื่อถึงวาระก็ควรซื้อใหม่ ต้องใส่ใจกับน้องหนูของเรา อย่าไปงก เด็ดขาดค่ะ

      
       

งดของหมักดอง รสจัดจ้าน

        
สาวกของหมักดองทั้งหลายต้องเพลาๆ ลงบ้างหากน้องสาวสุดที่รักของเราเกิดอากาศเหม็น บางคนกินอาหารรสจัด กลิ่นฉุน หรือกระเทียม ปลาร้า ปูดอง ปลาเค็มวันรุ่งขึ้นน้องสาวเหม็นตีขึ้นจมูกก็มี
      
       
หรืออาหารทะเล เครื่องเทศ หอม เพราะในอาหารหมักดองและอาหารทะเลมีสารเคมีกระตุ้นตกขาวเกิดปฏิกิริยาอักเสบระคายเคืองในร่างกาย
      
       
การกินนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต ก็ช่วยน้องหนูของคุณให้กลับมาหอมสดชื่นได้นะคะ ทานสัก 2-3 วัน อาการเหม็นก็บรรเทาเบาบางลง และที่สำคัญทานน้ำเปล่าให้มากค่ะจะช่วยได้ดีทีเดียวเชียว
      
        #เคล็ดลับเด็ด!! “ดับกลิ่นจิ๊มิ” ไม่ให้เกิดความคาว !! ถ้ารู้ตัวเป็นแบบนี้ รีบอ่านก่อนเลย !!

ลองดูนะคะ หายเหม็นแล้วอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ^_^

.

.

.


ที่มา : manager.co.th