"ต่อง สาวิตรี" เปิดใจเล่า ในจอรับบทเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงตรงกันข้าม ลำบากสุดๆ ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแต่เด็ก

"ต่อง สาวิตรี" เปิดใจเล่า ในจอรับบทเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงตรงกันข้าม ลำบากสุดๆ ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแต่เด็ก

ถือเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ และมีชื่อเสียงอย่างมาก สำหรับ "ต่อง สาวิตรี" ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการจนถึงตอนนี้ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ show ทางช่อง one31 ที่มีหนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร โดยไม่ค่อยมีใครรู้เบื้องหลังชีวิตจริงนอกจอของต่อง ว่าแตกต่างจากบทที่รับแสดงอย่างมาก หน้าม่านคือสาวไฮโซ เป็นคุณหญิง คุณนาย แต่ความจริงเคยผ่านความยากลำบากมามากมาย 


เรื่องราวในละครที่ได้แต่บทไฮโซแต่ในชีวิตจริงมันช่างตรงข้าม ?

ต่อง : ในละครส่วนใหญ่จะเล่นเป็นคนรวย ถ้าย้อนไปตั้งแต่เรียนคนก็จะคิดว่าบ้านรวย แต่จริง ๆ แล้วที่บ้านจน ด้วยโรงเรียนที่เรียน และตัวขาว ผมทองเหมือนฝรั่ง บอกว่าบ้านจนไม่มีใครเชื่อ เราเป็นคนไม่กลัวความจนและไม่รู้สึกอายด้วย ตอนเด็ก ๆ รู้สึกว่าจนแล้วมันสนุก แต่แรก ๆ อาจจะอายนิดหน่อย แต่พอมันผ่านไปได้ก็ไม่อาย เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่มุมมองของเรามากกว่า

เห็นว่าพี่น้องมี 6 คน มันลำบากขนาดไหน ?

ต่อง : คือฐานะทางบ้านไม่ดี แต่คุณพ่อให้ลูกๆ เรียนโรงเรียนคอนแวนต์หมดเลย ค่าเทอมมันสูง ตอนเด็กๆ จนพี่ประมาณ 12-13 ปี คุณแม่ทำงานแม่บ้านฝรั่ง พอฝรั่งกลับประเทศเราก็ต้องหาที่เช่าบ้านใหม่ คุณแม่ก็เลยมาช่วยป้าขายของได้วันละ 50 บาท วันพฤหัสบดีพี่ไปช่วยล้างจานพี่ได้วันละ 15 บาท พี่แอบเอาเงินป้าตลอด เพราะรู้สึกว่าป้าให้เงินแม่น้อยไป แล้วตอนเอาเงินป้าพี่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะเราเอาไปให้แม่


เห็นบอกว่าเคยพับถุงขายด้วย ?

ต่อง : พี่ทำหลายอย่าง พี่ก็ถามป้าว่าซื้อถุงมาเท่าไร เราก็พยายามพับแล้วเอาไปบังคับให้ป้าซื้อจากพี่


แล้วมันทำให้เรารู้สึกหรือเป็นปมเราบ้างมั้ย ?

ต่อง : คนถามพี่ตลอดเลย พี่ว่าไม่นะ เป็นคนจนมันสนุก พี่เป็นเด็กซนมาก ตอนอยู่ในสวน อยากกินอะไรก็ยกมือไหว้แล้วเด็ดจากต้นเลย ถามว่ามีวีรกรรมอะไรมั้ย พี่จะมีคอนเซ็ปต์ชัดเจนตั้งแต่เด็กว่าพ่อตีได้ แม่ตีไม่ได้ มีครั้งนึงแม่ไล่ตีพี่ พี่กระโดดท้องร่องหนีไปเกี่ยวกับลวดตาปูดเลย ตั้งแต่นั้นมาแม่ไม่กล้าตีพี่อีกเลย คือพี่ชนมาก


แล้วอย่างประเด็นผมทอง หน้าเหมือนฝรั่ง ตัวขาว คนก็ล้อว่าหน้าตาไม่เหมือนพี่น้อง ?

ต่อง : มันโดนสารพัด จริง ๆ มันทำให้เราเป็นเด็กมีปมด้อยและมีปัญหา มันเริ่มจากเพื่อนแม่ เขาพูดว่าเก็บมาจากถังขยะและมีคำอื่นๆ อีกมากมายที่มันไม่ใช่ลูกของพ่อแม่ ในตอนนั้นเราอาจจะเถียงไปแต่มันก็สะสมอยู่ในใจ มันมีคำถามอยู่ในใจหรือเราไม่ใช่ลูกเขาจริง ๆ ด้วยความต่าง คำพูดที่ตอกย้ำ ตอนเด็ก ๆ ทุกคนเกิดจะรู้เพราะเราเป็นเด็กขี้สงสัย ซึ่งตอนเด็ก ๆ เรายังอยากจะไปเช็กที่โรงพยาบาลเลยว่าเราเกิดที่นั่นจริงหรือเปล่า ก็คิดมาเรื่อยๆ จนแม่เสียก็เลิกคิดเพราะไม่อยากได้คำตอบอะไรอีกแล้ว เอาจริงๆ พี่เคยคิดจะตรวจดีเอ็นเอเลยด้วยซ้ำ แต่ ณ ตอนนี้ก็แฮปปี้กับชีวิต ไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น


พอเข้าวงการบันเทิง แต่พ่อแม่ไม่สนับสนุน ?

ต่อง : พ่อไม่ชอบเลย เขาเรียกเต้นกินรำกิน คือพี่เริ่มจากการถ่ายโฆษณาก่อนแล้วค่อยมาเล่นหนัง เล่นละคร คือพ่อไม่ชอบ แต่ด้วยเงื่อนไขในการดำรงชีพมันไม่ได้ พอพ่อเลิกทำงานตอนนั้นอายุ 60 กว่า แม่เป็นแม่ค้า มันไม่พอ จังหวะดีตอนนั้นพี่ได้ถ่ายโฆษณาได้ 10 บาทให้แม่ 5 บาท พอมาเล่นหนังแรกๆ ให้แม่ครึ่งนึง มันคือเหตุผลที่ทำให้พ่อไม่ปฏิเสธในการเข้าวงการของพี่

แล้วทำไมตอนนั้นถึงได้ถ่ายโฆษณา ?

ต่อง : พี่เดินไปวัดกับน้อง ก็มีพี่คนนึงชื่อพี่ต๋อมแล้วให้นามบัตร ตอนนั้นก็คิดว่าเขาสนใจน้องเรา เพราะน้องสวย เขาก็โทรศัพท์มาที่ร้านอยากให้พี่ไปแคส เราก็ลองไปแคสชิ้นแรกได้เลย คือพี่เริ่มทำงานช่วยครอบครัวตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนนั้นเป็นครูสอนพิเศษ พี่สอน อยู่ 6-7 ปี

 

เห็นบอกว่าคุณแม่มีดูละครบ้าง แต่พ่อไม่ดูเลยจนวินาทีสุดท้ายของเขา ?

ต่อง : คือพ่อไม่ชอบดูละครอยู่แล้ว คือจริงตอนคุณพ่อเสีย พี่ทำรายการสดอยู่ ที่บ้านไม่ยอมโทรมา คุณหมอที่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่าพ่อเสีย พี่สติแตกอยู่ที่ล็อบบี้ พี่รับไม่ได้ เพราะนั่นคือการสูญเสียพ่อ พอแม่เสียพี่ก็ช็อกอีก คือพี่ไม่รู้ว่าพี่รักเขาแค่ไหน คือพอเราเป็นเด็กแบบนี้เรารู้สึกว่าเขาไม่ค่อยรัก พี่ก็ชอบเข้าไปกอด ช่วงท้ายๆ พี่ก็จะปิดเรื่องพ่อเป็นมะเร็ง ใครจะร้องไห้ออกไปข้างนอก พี่ก็จะถามพ่อว่ารักติ้งต๋องมั้ย ในที่สุดพ่อก็บอกว่ารัก แต่แม่ไม่เคยพูดเลย พี่ก็ถามทุกวัน วันนั้นแม่บอกกับน้องว่าติ้งต๋องยังไม่มาหรอ คิดถึง พอพี่ไปถึงพี่ก็ถามว่ารักติ้งต๋องมั้ย เป็นครั้งเดียวและครั้งแรกในชีวิตก่อนเขาจะเสีย เขาบอกว่ารัก

 


ถ้าสมมุติว่ามีโอกาสได้พูดกับคุณพ่ออีกครั้งจะบอกว่าอะไร ?

ต่อง : คือพ่อจะหวงตลอด เพราะเราเป็นคนเดียวที่ไม่มีครอบครัว พ่อกลัวตอนแก่ๆ จะไม่มีใครดูแล ถ้าพ่อได้ยินจะบอกว่า พ่อไม่ต้องห่วง แม้จะไม่มีครอบครัว แต่สัญญาจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างรอบครอบ จะเก็บตังค์เยอะ ๆ แม้ไม่มีคนดูแลเราจะจ้างคนดูแลก็ได้

 


โรคที่พี่เป็นรักษายังไงก็ไม่หาย ?

ต่อง : พี่เป็นไทรอยด์เป็นพิษ และเป็นการกลับมาเป็นครั้งที่ 2 ตอนที่พี่อายุยี่สิบกว่าๆ พี่เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ชนิดเผาผลาญมาก น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 3 โล พี่ก็ดูแลตัวเองตลอด แต่ก็กลับมาเป็นอีกครั้ง

 


เห็นว่าไม่หายต้องทานยาตลอดชีวิต ?

ต่อง : ก็คุยจริงจังกับคุณหมอว่าเราจะหายมั้ย หมอก็บอกว่าการเป็นครั้งที่ 2 มันไม่ส่งผลแล้วนะ ก็ต้องกินยาไปตลอดชีวิต แรกต้องเจาะเลือดทุกเดือน หลัง ๆ 3 เดือน เจาะสักครั้ง


ระยะเวลาที่ผ่านมาได้ข้อคิดอะไรบ้าง ?

ต่อง : พี่ว่ามนุษย์มันอยู่ที่มุมมอง พี่เคยโดยโจรขโมยของ 2 รอบแล้ว ถ้าเราถูกเอาไปแล้วต้องซื้อใหม่เราก็เหนื่อย เราก็คิดว่าถ้าเราไม่ใส่แบรนด์เนมเป็นไรมั้ยก็ไม่ คือทุกอย่างมันอยู่ที่ความพอใจ ตอนที่ไม่มีแฟนทุกคนคิดว่ามันแย่ ซึ่งมันอาจจะมีช่วงแย่แต่สักพักเมื่อเราหาทางออกได้ อยู่กับปัจจุบัน อยู่คนเดียวกับโรคแบบนี้ซึ่งมันจะไม่หาย ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองชีวิตเราก็อยู่กับมันอย่างมีความสุข ไม่ว่าใครบนโลกนี้ก็ให้กำลังใจคุณไม่ได้นอกจากตัวคุณเอง

 

"ต่อง สาวิตรี" เปิดใจเล่า ในจอรับบทเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงตรงกันข้าม ลำบากสุดๆ ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแต่เด็ก

 

"ต่อง สาวิตรี" เปิดใจเล่า ในจอรับบทเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงตรงกันข้าม ลำบากสุดๆ ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแต่เด็ก

 

"ต่อง สาวิตรี" เปิดใจเล่า ในจอรับบทเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงตรงกันข้าม ลำบากสุดๆ ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแต่เด็ก

 

"ต่อง สาวิตรี" เปิดใจเล่า ในจอรับบทเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงตรงกันข้าม ลำบากสุดๆ ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแต่เด็ก

 

 

"ต่อง สาวิตรี" เปิดใจเล่า ในจอรับบทเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงตรงกันข้าม ลำบากสุดๆ ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองแต่เด็ก

 


 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-สาวใจแกร่งดูแลแม่ชรา ยามดึกหอบลูกน้อยเก็บขยะ ภาพชวนอมยิ้มลำบากแต่คอยห่วงลูกเสมอ

-ลูกกตัญญู แอนนี่ บรู๊ค ดูเเลเเม่ป่วยเดินไม่ได้ ลำบากหน่อย เเต่ก็อดทน (คลิป)

-หนูเล็ก ก่อนบ่าย เผยชีวิต 10 ปีก่อน ขอบคุณสามี ยอมลำบากทำงานเดือนละ 6,000 เพื่อเธอ(คลิป

 

ขอบคุณ IG : savitee_tong 

ขอบคุณรายการ : คุยแซ่บโชว์ ช่อง one 31