อดีตดาราดัง ปุ๊กกี้ ชุลีพร เล่านาทีชีวิตหลังป่วยหนัก ไม่ปัสสาวะเกือบ10ปี

หายหน้าหายตาไปนานกว่า8ปี สำหรับอดีตดาราดัง อย่าง ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดัน และหนักที่สุดคือโรคไต เป็นระยะเวลา 13 ปี ส่งผลให้เธอต้องหยุดการแสดงกะทันหัน หลังจากที่ สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร รู้ตัวว่าป่วยเธอก็ต้องไปฟอกเลือดทุกสัปดาห์


หายหน้าหายตาไปนานกว่า8ปี สำหรับอดีตดาราดัง อย่าง  ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย ในภาพลักษณ์ที่สร้างสีสันให้กับละครทุกเรื่องในบทตลกร้ายอารมณ์ขัน และภาพลักษณ์หญิงเจ้าเนื้อใส่แว่น จึงเป็นที่จดจำของแฟนละครไทยได้ไม่ยาก ซึ่งผลงานที่ทำให้หลายคนจดจำได้เป็นอย่างละคร เรื่อง อรุณสวัสดิ์ เมื่อปี 2535 ทางช่อง 7 ส่วนหนังของเธอเป็นที่รู้จักกันในการแสดงภาพยนตร์เรื่อง หลบผี ผีไม่หลบ เมื่อปี 2546

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

โดย  สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร  ได้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดัน และหนักที่สุดคือโรคไต เป็นระยะเวลา 13 ปี ส่งผลให้เธอต้องหยุดการแสดงกะทันหัน หลังจากที่ สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร  รู้ตัวว่าป่วยเธอก็ต้องไปฟอกเลือดทุกสัปดาห์ ซึ่งทำให้เธอหมดแรงจนไม่สามารถทำอะไรได้อีกภายในวันที่เข้ารับการรักษา หากย้อนวันวานได้ สิ่งที่อยากทำที่สุดคือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมรับประทานอาหาร

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย


ซึ่ง สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร ได้ออกมายอมรับว่า มีนิสัยชอบกินอาหารทุกประเภททั้งของหวาน หรืออาหารติดมัน และแม้จะรู้ตัวว่าตนเองเป็นเบาหวานก็ยังมีนิสัยการกินอาหารแบบเดิม เพราะเห็นว่ายังไม่เป็นอะไร ยังทำงานได้ปกติ ซึ่งมาหยุดเล่นละครก็ต่อเมื่อเกิดอาการหูดับ ฟังไม่ได้ยิน และไม่มีแรง จนต้องหยุดทุกอย่างลง ในวันที่เหนื่อยล้าและทุกข์จากโรคภัย แต่เมื่อรับรู้ว่ายังมีแฟนละครถามหา ทักทายเมื่อพบเจอ ก็พอเป็นกำลังใจได้บ้าง 20 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิง มีภาพจำในบทหญิงเจ้าเนื้อ ตลกร้าย อารมณ์ดี เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ชมเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด นับจากนี้ "สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร" ต้องยิ้มสู้กับโรคร้าย หวังให้เรื่องราวของเธอเป็นข้อคิดกับคนทั่วไปหันมาใส่ใจสุขภาพ

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

และล่าสุด สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร ในวัย51ปี ได้ปรากฎตัวต่อหน้าสื่ออีกครั้ง หลังหายจากวงการไปนานกว่า8ปี พร้อมทั้งได้อัพเดทอาการป่วยโรคไต ว่า

เราออกจากโครงพยาบาลประมาณเดือนครึ่ง ตอนนี้รู้สึกมีกำลังใจ เพราะพี่ไม่มีไตมา 8 ปี เกือบ 9 ปี แล้วอยู่ดีๆก็มีไต ก็เหมือนคนปกติ รู้สึกว่าเหมือนเรามีชีวิตใหม่ ได้เกิดใหม่ ใจมันเต็มอิ่ม ถามว่าไตมันเสื่อมระดับไหน คือคนเราไม่ใช่อยู่ดีๆไตเสื่อมได้ง่าย คือพี่เป็นเบาหวาน ตั้งแต่เกิดได้รับพันธุกรรม เป็นเบาหวานตอนวัยรุ่น คือเป็นมาหลายๆปี แต่พี่ก็ยังกินทุกสิ่งอย่าง คือประมาทกับชีวิตมากๆโดยไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไร เพราะว่ายังสาว ยังเด็ก ยังทำงาน ยังมีแรง แล้วพอมันเป็นมันเป็นเลย ถามว่าตรวจร่างกายไหมก็ตรวจ แต่ด้วยความที่เราปล่อยปละละเลย พอเวลาผ่านไปหลายๆปี มันก็กลายเป็นโรคแทรกลามเข้ามา โรคแทรกก็มีความดัน แต่ยังดีที่หัวใจแข็งแรงไม่เป็นอะไร แล้วก็เป็นไต ซึ่งไตนี่ต้องฟอกเลือด เปลี่ยนชีวิตเลย อาทิตย์นึงต้องไปฟอกเลือด 3 วัน มันเป็นภาระของชีวิตมากๆเจ็บปวดทรมาน

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

ต่อมาพิธีกรได้ถามว่าคนที่เป็นโรคไต ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พี่ไม่ได้ปัสสาวะเลย สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร ได้กล่าวว่า
ใช่ เพราะว่าไตวายไม่ทำงาน จะไม่มีปัสสาวะ ไปไหนไม่เคยเข้าห้องน้ำเลย ต้องไปเอาของเสียออกทางเลือด ถามว่า8 ปี พี่ทนได้ยังไงกับความรู้สึกแบบนี้  อยากบอกว่าไม่ใช่ว่าพี่ทนนะ คือปีแรกพี่ร้องไห้ทุกวัน เพราะว่าคนเคยทำงาน แล้วเวลาเห็นเพื่อนๆ ในทีวีเราอยากเล่น มันคิดถึง มันอยู่ในสายเลือด แต่พอปีที่ 2 มานั่งร้องไห้อีก ปีที่ 3 เริ่มคิดว่าถ้าเราจะอยู่กับอาการและอารมณ์แบบนี้มันจะไปได้สักกี่น้ำ ก็ค่อยๆปรับ เอาธรรมะเข้ามาช่วย มันก็ค่อยๆดีขึ้น แล้วก็อยู่กับโรคนี้ได้ แล้วตอนนี้เราก็เปลี่ยนไตแล้วจากผู้บริจาค คือคนที่เป็นโรคไตจะลงชื่อขอบริจาคไตจากสภากาชาดไทยเอาไว้ ก็จะถูกรันเรียกไปตามคิว ซึ่งพี่ลงไว้ตั้งแต่ปีแรกที่พี่เป็น คือ 8 ปีกว่า ไม่เคยโดนเรียกเลยสักครั้ง

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อว่าแล้วตอนที่เขาเรียก เราได้ไตเรื่องราวมันเป็นยังไง สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร ได้กล่าวว่า
ตอนนั้นประมาณตี 5 กว่าๆมีโทรศัพท์มาที่บ้าน ทีนี้มือพี่ไปถูกโทรศัพท์มันก็เลยไม่มีเสียง มันก็กลายเป็นสั่นแทน พี่ก็หงุดหงิดมาก คิดว่าใครโทร ผิด พี่ก็ไม่รับ มันสั่นประมาณ 5 ครั้งพี่ก็เลยรับ เขาบอกว่าโทร. จากศูนย์เปลี่ยนถ่ายอวัยวะศิริราช ดีใจไหมคะ เท่านั้นแหละพี่อึ้งเลย พอไปถึงโรงพยาบาลเขาบอกว่าต้องทำใจนะถ้าผู้บริจาคไตที่เสียชีวิตไปแล้วอยากให้ไตเราคุณก็ได้ ถ้าเขาไม่อยากให้คุณก็ไม่ได้

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

พอถามต่อว่าความรู้สึกที่รับรู้ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะได้ไต ตอนนั้นมันเป็นยังไง  สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร ได้กล่าวว่า
ดีใจมาก พี่ฟอกเลือดมานาน คนข้างๆพี่ก็เคยผ่าตัด แล้วก็ไม่สำเร็จ ผ่าตัดแล้วไตไม่ทำงาน บางคนผ่าตัดแล้วเส้นเลือดไม่ทำงานบ้าง เยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นสิ่งต่อไปที่พี่ภาวนาก็คือเมื่อผ่าตัดไตแล้วขอให้ไตทำงาน ปรากฏว่าเขาก็ไม่ทำงาน จนกระทั่งวันที่ 7 เขาถึงทำงาน พี่ต้องต่อสู้กับจิตใจว่าทำยังไงให้ใจชนะความกังวล

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

นอกจากนี้เห็นบอกว่าพี่อธิษฐานจิตถ้าทุกอย่างเรียบร้อยพี่จะไปบวช  สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร ได้กล่าวว่า
ใช่ บวชให้กับผู้บริจาคไต พี่ตั้งใจไว้จะบวชให้เขา 7 วัน คือพยาบาลเขาก็บอกว่าคุณโชคดีนะ ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 อีก เพราะว่าเหมือนมันมีชีวิตใหม่ พอไตทำงานพี่ดีใจมากๆ เพราะพี่ไม่ได้ปัสสาวะมาเกือบ 10 ปี ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายพี่ดูแลตัวพี่เอง เพราะพี่เป็นคนเก็บเงินตั้งแต่เด็ก แล้วพี่ยังไม่ได้เดือดร้อน ถามว่าเก็บเยอะไหม พี่ก็ซื้อของนะ พวกแบรนด์เนมก็มี พี่ซื้อรถเบนซ์เงินสด แต่ถ้าถามว่าค่าใช้จ่าย 8 ปี พี่หมดไปเท่าไร  พี่ป่วยทั้งหมดสิบกว่าปี ประมาณ12 ปีตั้งแต่เริ่มป่วย แต่ฟอกเลือดเกือบ 9 ปี ซึ่งพี่นับแค่ปีที่ 8 นะ พี่หมดไปเกือบ 6 ล้าน แต่พี่เอาสบายนะ พี่รักษาเอกชนบ้าง รัฐบาลบ้าง เพราะฉะนั้นมันจะหมดเยอะ พอตั้งแต่ปีที่ 9 มาพี่เริ่มประหยัด ใช้แต่ประกันสังคม เพื่อจะประหยัดเงินเอาไว้ ส่วนเรื่องบวชพี่อาจจะบวชชีพราหมณ์แล้วก็ปฏิบัติธรรมอย่างเข้มงวด ก็เตรียมตัวไว้ว่าน่าจะพฤษภาคม

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

จากนั้นพิธีกรได้ถามปิดท้ายถึงอาการป่วยครั้งนี้พี่เห็นทั้งมิตรแท้ มิตรเทียม  สาวปุ๊กกี้ ชุลีพร ได้กล่าวว่า
คือมันไม่เชิงเห็นแต่มันวิเคราะห์ได้ คือมีวันนึงคิดถึงเพื่อนมากเลย วันนั้นแข็งแรงก็เลยอยากโทรศัพท์คุย แต่พี่สนิทกับหลายคนแต่พี่เลือกเขา ก็เป็นเพื่อนดาราด้วยกัน พี่ก็โทรศัพท์ไปหาเขา ไม่ได้คุยกันมาเกือบ 10 ปี เขาก็งง ๆ จำไม่ได้ พี่ก็บอกว่าพี่ปุ๊กกี้ไง เขาก็บอกว่าจำได้ แต่เขาก็งง ๆ ทีนี้พี่ก็ชวนเขาคุย เขาก็คุยอีกสักพักเขาก็พูดเรื่องเงิน พี่ก็พูดเรื่องอื่น แต่เขาก็กลับมาพูดเรื่องเงินประมาณ 4-5 รอบ จนพี่งง ๆ  แล้วพี่ก็มานั่งงง ๆ แป๊บนึงก็คิดได้ว่าเคยมีผู้ใหญ่บอกเรา ถ้าเพื่อนหายไป 5 ปี 10 ปี ถ้ากลับมาให้นึกไว้ก่อนเลยว่าเขามายืมเงิน คือเขาต้องคิดว่าเราไปยืมเงินแน่ ๆ ต่อไปนี้ไม่โทร. หาใครแล้วมันเหมือนกับเราไปยืมเงินเขา แล้วมันก็มีอีกนะ บางทีเราเคยสนิทกับดาราคนนี้ ไม่ใช่สนิทธรรมดานะ สนิทมากแล้วไม่ได้เจอกันนานแล้ว พอไปเจอกันที่งานเขาก็บอกว่าสวัสดี แล้วก็เดินไป คือพี่งง เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ พี่ก็คิดว่า อ๋อ เราไม่ดังแล้ว คือคิดเอง แต่ว่ามันเจออย่างนี้หลายคนแล้ว มันก็เลยคิดว่าตอนเราดังเขาเป็นกับเราอย่างนึง เขาเดินเข้ามาหาเรา แต่พอเราไม่ดังเขาเป็นอย่างนี้ แต่พี่ไม่เคยคิดว่านั่นคือปมด้อยของชีวิต เพราะว่าพี่พอใจกับสิ่งที่พี่มี

 

ปุ๊กกี้ ชุลีพร ดวงรัตนตรัย

 

ที่มา รายการ คุยแซ่บShow