"เจี๊ยบ วัชระ" เปิดใจตอนนี้กลายเป็นคนตกงานเต็มตัว เหลือเงินเก็บก้อนสุดท้ายในชีวิต!

หลายๆคนที่เกิดเทันยุค 80 ต้องรู้จักกับวงดนตรีวง "เฉลียง" อย่างแน่นอน และเป็นวงที่อยู่ในใจของผู้คนในยุคนั้น ซึ่งล่าสุด เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม หนึ่งในสมาชิกวงเฉลียง ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เล่าถึงความโดดเด่นของเฉลียงคือเนื้อหาของเพลงที่แตกต่างไปจากคนอื่น เนื้อหาเพลงจะเน้นไปในเรื่องของข้อคิด และปรัชญาที่แฝงอยู่ในเนื้อหาที่น่ารัก เฉียบคม ผสมผสานด้วยดนตรีที่เบาสบายสไตล์สวิงแจ๊ส พร้อมกับเผยถึงสถานการณ์ชีวิตที่ต้องเป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนบันเทิงที่เรียกว่า ตกงานร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเพราะพิษของโควิด

หลายๆคนที่เกิดเทันยุค 80 ต้องรู้จักกับวงดนตรีวง "เฉลียง" อย่างแน่นอน และเป็นวงที่อยู่ในใจของผู้คนในยุคนั้น ซึ่งล่าสุด เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม หนึ่งในสมาชิกวงเฉลียง ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เล่าถึงความโดดเด่นของเฉลียงคือเนื้อหาของเพลงที่แตกต่างไปจากคนอื่น เนื้อหาเพลงจะเน้นไปในเรื่องของข้อคิด และปรัชญาที่แฝงอยู่ในเนื้อหาที่น่ารัก เฉียบคม ผสมผสานด้วยดนตรีที่เบาสบายสไตล์สวิงแจ๊ส พร้อมกับเผยถึงสถานการณ์ชีวิตที่ต้องเป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนบันเทิงที่เรียกว่า ตกงานร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเพราะพิษของโควิด

"เจี๊ยบ วัชระ" เปิดใจตอนนี้กลายเป็นคนตกงานเต็มตัว เหลือเงินเก็บก้อนสุดท้ายในชีวิต!

วงเฉลียง ณ ตอนนั้นคือมีทิศทางเพลงที่แตกต่างจากวงอื่นๆ โดยสิ้นเชิง

เจี๊ยบ : "เพราะว่าไม่ใช่เป็นนักร้องอาชีพทุกคนทำงานเรียนสถาปัตยกรรม แล้วทำดนตรีด้วยเราไม่รู้เรื่องห้องอัดก็ไปปรึกษาพี่เต๋อก็เลยได้ออกเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ตอนนั้นที่ทำเพลงกันออกมาคือเรียนอยู่ปี 5 พอดี ที่เรียนอยู่ด้วยกันคือ จิก ประภาส เขาเป็นคนแต่งเพลง ดี้ นิติพงษ์ แต่งเพลงแล้วก็ตัวเราเองแล้วก็เชื่อ พี่เล็ก สมชาย มาร่วมด้วย ชุดแรกร้องอยู่สองคนไม่มีวงดนตรีไม่มีอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จด้านการขาย เพราะแม้แต่คนในวงเองยังพูดเลยว่ามันคือเพลงอะไรไม่ต้องทำอีกแล้วนะเพลงแบบนี้"

"แต่ตอนนั้นก็ใช้ชื่อวง เฉลียง มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หน้าปกก็เป็นรูปวาดเป็นรูปเฉลียง หน้าคนร้องก็ไม่มี ไม่รู้เลย แต่พอออกมาเพลงดันติดอันดับคู่กับ พี่เบิร์ด เลยตอนนั้นพี่เบิร์ดเพลงติดอับดับ 1 ส่วนของเรามาอันดับสองแล้วก็ลงมาเรื่อยๆ (หัวเราะ) แล้วหลังจากนั้น 4 ปีเราถึงกลับมาทำอีกครั้งด้วยคุณศุ บุญเลี้ยง พี่จุ้ย เราก็ไม่ได้จะตั้งใจเป็นนักร้องอะไรกันเลยเพราะตอนนั้นเป็นพิธีกรมีอาชีพกันอยู่แล้ว แต่พอ ศุ มาถามว่าพี่เอาอีกไหมเราก็ได้เราก็ทำเพลงกันและย้ายไปอยู่อีกค่ายที่ตอนนี้ไม่มีแล้วคือ ค่ายครีเอเทีย ในค่ายนี้ก็มีนักร้องดังเยอะนะครับ พี่ปั่น พี่อุ้ย ในยุคนั้น เราก็ประสบความสำเร็จตอนนั้นวงก็มี 5 คนแล้ว"

ซึ่งสไตล์การเป็นศิลปินของพี่เจี๊ยบ คือ แตกต่างจากคนอื่นมากเพราะมีฉายาว่า ปากหมาด่าทุกคน ทำไมถึงได้มา

เจี๊ยบ : "จะบอกว่ามันไม่ได้ด่าเหรอนะ แต่ว่าพอเราขึ้นเวทีไปผู้ชมเขาก็จะตบมือให้เราเป็นการต้อนรับ แต่ก็น่าจะมีลิมิตไม่ได้ตบมือตลอดเวลา จนเราไม่มีจังหวะจะพูดหรือแนะนำตัวเราเลยแซวเขาแบบขำๆ ไปเพื่อให้ได้หยุดเราจะได้พูด เพราะเราเป็นคนชอบแซวซึ่งทุกคนในวง นักดนตรี จนเราไม่รู้ว่าจะแซวใครแล้วเราเลยไปแซวแฟนๆ แล้ว" 

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เฉลียงยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ แล้วยังมีความเท่อยู่ก็คือ ไม่ได้เป็นเพลงรักธรรมดาหรือเพลงพูดดอกไม้ชื่นชอบโลกทั่วไปแต่ในเพลงมีข้อคิดแฝงอยู่เยอะมาก

เจี๊ยบ : "คิดทีหลังมากกว่า จริงๆ ทุกเพลงเกิดจากความสุขของพวกเราก่อนสนุกที่จะทำและสื่อสาร อย่างเพลง กล้วยไข่ คือเพลงกล่อมลุกตามต่างจังหวัด"

แต่เพลงของวง เฉลียง เหมือนกับเป็นเพลงอินดี้ของสมัยนั้น

เจี๊ยบ : "ใช่ครับประมาณนั้นแต่ดนตรีเป็นแนวที่เก่ามากเป็นอเมริกันยุค 50 ปี ที่แล้วเป็นสวิงแจ๊ส" 

"เจี๊ยบ วัชระ" เปิดใจตอนนี้กลายเป็นคนตกงานเต็มตัว เหลือเงินเก็บก้อนสุดท้ายในชีวิต!

พี่เจี๊ยบ นับว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ผ่านงานเบื้องหน้าเบื้องหลังมาเยอะแต่ทำไมตอนนี้ถึงบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ตกงานร้อยเปอร์เซ็นต์

เจี๊ยบ : "เพราะเราไปยึดอาชีพนักแสดงแล้วก็นักดนตรีถ้าเราไม่มีคอนเสิร์ตใหญ่เราก็จะไปเล่นเล็กๆตามร้านอาหารหรืออะไรที่เป็นร้านกาแฟสวนเปิดๆกินลมชมดาวอะไรก็ว่ากันไปแต่พอโควิดมาตั้งแต่ปีที่แล้วคือรายได้ที่เราเคยได้รับคือ ศูนย์บาท นั่งนิ่งๆ อยู่กับบ้านซ้อมดนตรีเล่นดนตรีกันไปก็หันมาถามกันว่าซ้อมกันไปทำไมกันพวกเราเพื่อไว้ๆ ก่อนก็คือตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนงานแสดงคือเรารับจ้างไม่ได้เสร็จไม่ได้ปิดกล้องเงินไม่ออก"

ตอนนี้โควิดก็ยังคงอยู่และก็มาระยะยาวตั้งแต่ปีที่แล้วมาถึงตอนนี้พี่ประคองตัวยังไงที่เป็นคนตกงานร้อยเปอร์เซ็นต์

เจี๊ยบ : "เราก็จะมีเงินบ้างก้อนเงินที่เหลืออยู่บ้างในบ้างส่วนเราก็รัดเข็มขัดกันสุดๆ โชคดีที่ลูกชายทำงานแล้ว แต่ก็ยังมีลูกสาวอีกคนที่ยังเรียนไม่จบตอนนี้เรียนปีสุดท้ายแล้ว ส่วนคุณแม่ก็บอกท่านว่าเก็บค่าเช่าสวนไปก่อนนะช่วงนี้ลูกไม่ได้เลี้ยงนะ ส่วนภรรยาเขาก็สนุกสนานกับงาน DIY แมสก็เย็บ แล้วก็ทำขนมขายออนไลน์" 

พี่เจี๊ยบ เป็นคนที่สอนลูกทั้งสองคนเลยนะว่าไม่อยากให้มีอาชีพเป็นเหมือนพ่อเพราะเป็นอาชีพที่หิวคือยังไง

เจี๊ยบ : "ที่บอกว่า หิว เพราะเราทำอาชีพนี้มาเราบอกได้เลยว่าเราไม่สามารถเป็นอาชีพที่อิสระตั้งว่าฉันจะทำอันนี้ตรงนี้ จัดคอนเสิร์ตแล้วมาดูฉันมันต้องมีผู้จัด ผู้จ้างเพราะอย่างนั้นถ้าไม่มีคนจัดเราก็หิว ตอนที่ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยลูกชายเขาก็เจอว่าเขาอยากเล่นดนตรี อยากเรียนดนตรีผมก็รู้จักเพื่อนๆน้องๆ ที่ทำอยู่ในวงการดนตรีแล้วก็เป็นมืออาชีพเราก็เชิญเขามาที่บ้าน โอ๋ เขาก็มาเลยมาเล่าให้ฟังว่าการเป็นกีตาร์เล่นได้เงินชั่วโมงล่ะ 500 บาท แต่ลูกชายเขาก็เดินทางสายดนตรีครับ แต่เขาไปเรียนดนตรีด้านเชิงเชิงพาณิชย์เอาดนตรีไปสร้างเงิน"

แล้วในช่วงที่ผ่านมาพี่เจี๊ยบ มีตั้งโปรเจคว่าจะทำไลฟ์สดอะไรพวกนี้บ้างไง

เจี๊ยบ : "น้องๆ ในวงที่เล่นกับเราก็บอกให้เราทำเถอะเพราะเวลาที่มีช่องของตัวเองมีคอนเทนท์ก็มีคนดูในกลุ่มที่เป็นของเรานะก็น่าสนใจ แต่อีกมุมที่เราอยากทำคืออายุขนาดนี้แล้วมันผ่านโลกมาหลายมุมเราก็น่าจะพอแนะนำอธิบายอะไรได้ก็อยากเล่าเรื่องบันทึกเสียงให้ฟังเพราะเราสัมผัสมาด้วยตัวเองเล่าเรื่องเขาถ่ายหนังยังไงสมัยก่อน กำกับยังไง แสดงยังไง ตัดต่อยังไง สามารถติดตามสิ่งที่ผมอยากทำนี้ได้ทางเฟซบุ๊ค JEAB เฉลียง

 

"เจี๊ยบ วัชระ" เปิดใจตอนนี้กลายเป็นคนตกงานเต็มตัว เหลือเงินเก็บก้อนสุดท้ายในชีวิต!

                                                >>Lazada มอบดีลช๊อปสุดพิเศษ สนใจคลิก<<