เกาหลีเหนือ ต้องการจุดไฟสงคราม หรือแค่ป่วนรายวัน? (บทความ)

เกาหลีเหนือ กำลังใช้ความพยายามในการทดสอบเรื่องอาวุธมาอย่างต่อเนื่อง แม้หลายชาติเห็นว่าน่าจะเป็นเพียงแค่การข่มขู่เท่านั้น แต่ เพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ไม่ได้คิดอย่างนั้น

ความพยายามของเกาหลีเหนือในการพัฒนาอาวุธ โดยเฉพาะ อาวุธนิวเคลียร์ และ จรวดพิสัยไกล มักจะเป็นข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง จาก เดือนมกราคม ที่ผ่านมานั้น เกาหลีเหนือเคยประกาศ ความสำเร็จของ การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ในรอบ 10 ปี ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือ อ้างเป็นความสำเร็จของการทดลองระเบิดไฮโดรเจน ที่มีอานุภาพสูงยิ่งกว่าระเบิดปรมาณู  แต่ความพยายามของเกาหลีเหนือ ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น


 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวกลางเกาหลี ( เคซีเอ็นเอ ) ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือ  เรื่องความสำเร็จในการส่งจรวดปล่อยดาวเทียม "กวางมยองซอง 4" หรือ "ดาวจรัสแสง 4" ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลก โดยเป็นไปตามคำสั่งของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งต้องการแสดงความชอบธรรมของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ในการร่วมวิจัยด้านอวกาศอย่างเสรีและสันติ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในการยกระดับพัฒนาการด้านกลาโหมของประเทศครั้งสำคัญ และดาวเทียมกวางมยอง 4 จะทำงานร่วมกับดาวเทียมอีกหลายดวงของเกาหลีเหนือ ที่จะทยอยออกเดินทางขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศในอนาคต

 

อย่างไรก็ตาม การส่งจรวดปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ยังคงได้รับการประณามจากนานาประเทศดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา โดยสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เผยแพร่แถลงการณ์ของเลขาธิการ คือนายบัน คี-มูน ตำหนิการปล่อยจรวดของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ที่ใช้เทคโนโลยีระดับเดียวกับการปล่อยขีปนาวุธ และเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการแสดงพฤติการณ์ที่ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี )

ด้านรัฐบาลสหรัฐและญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ประณามโครงการพัฒนา "สิ่งที่เรียกว่าดาวเทียม" ของเกาหลีเหนือ ว่าเป็นภัยคุกคาม และเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัฐบาลเกาหลีเหนือให้มีความรุนแรงขึ้นอีก เช่นเดียวกับประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ ผู้นำเกาหลีใต้ ซึ่งแสดงความไม่พอใจอย่างมาก ต่อความเคลื่อนไหวล่าสุดของประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือ และเธอเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นการฉุกเฉินแล้ว

 

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์แสดง "ความผิดหวัง"แม้ยังไม่มีรายงานยืนยันอย่างชัดเจรจา จากฝ่ายใด เกี่ยวกับสถานะของชิ้นส่วนจรวดขั้นสุดท้าย หรือขั้นที่ 4 แต่ข้อมูลเบื้องต้นจากศูนย์บัญชาการด้านยุทธศาสตร์ของกองทัพสหรัฐและกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้สอดคล้องกันว่า สามารถตรวจจับจรวดของเกาหลีเหนือสามารถปล่อยวัตถุออกสู่ชั้นบรรยากาศของโลกได้จริง หลังรัฐบาลเกาหลีใต้ รายงานการยิงจรวดพิสัยไกลของเกาหลีเหนือ ว่าเกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงเปียงยาง ( 07.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย )


การปล่อยจรวดครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังรัฐบาลเกาหลีเหนือ เลื่อนกรอบระยะเวลาของภารกิจครั้งนี้ให้เร็วขึ้น จากเดิมคือระหว่าง 8-25 ก.พ. เป็น 7-14 ก.พ.

เกาหลีใต้และนานาประเทศรวมถึงสหรัฐและญี่ปุ่น เชื่อว่าการส่งจรวดปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นเพียงฉากบังหน้าของโครงการการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ( ไอซีบีเอ็ม ) โดยมีเป้าหมายคือชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ เนื่องจรวดมีทิศทางเคลื่อนที่ลงมาทางใต้ ซึ่งชิ้นส่วนแรกหลุดออก 14 นาทีหลังจรวดออกเดินทาง ตกลงในทะเลห่างจากคาบสมุทรเกาหลีลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 250 กิโลเมตร

กองทัพเกาหลีใต้และกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเตรียมพร้อมขั้นสูงสุดตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ ในการใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธสกัดจรวดของเกาหลีเหนือ หากพบจรวดเคลื่อนที่ผ่าน

ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีเหนือ ของนายคิม จอง-อึน บรรลุข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลสหรัฐ เมื่อเดือนก.พ. 2555 ว่าด้วยการระงับโครงการขีปนาวุธเพื่อแลกกับอาหารจำนวน 240,000 เมตริกตันสำหรับชาวเกาหลีเหนือ แต่ข้อตกลงมีอันต้องเป็นโมฆะ เมื่อเกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธในเดือนเม.ย.ปีเดียวกัน

 

 

เจ้าหน้าที่กลาโหมของเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือระบุในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า  ว่า พวกเขาจะเริ่มการหารือเรื่องการประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯในคาบสมุทรเกาหลีเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ
       

 

 

 

 

 

       การประกาศดังกล่าวมีออกมาหลังจากการยิงจรวดของเกาหลีเหนือที่สหรัฐฯและพันธมิตรประณามว่าเป็นการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลแบบซ่อนเร้น
       
       “มีการตัดสินใจแล้วที่จะเริ่มการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ของการส่งระบบ THAAD มาประจำการที่เกาหลีใต้ในฐานะส่วนหนึ่งของมาตรการที่จะเพิ่มศักยภาพด้านการป้องกันขีปนาวุธให้กับพันธมิตรเกาหลี-สหรัฐฯ” ยู เจซอง รัฐมนตรีช่วยฝ่ายนโยบายของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าว
       
       มีการคาดการณ์มาหลายปีแล้วเกี่ยวกับส่ง “ระบบป้องกันขีปนาวุธระดับบรรยากาศชั้นสูง” (Terminal High Altitude Area Defense หรือ THAAD) หนึ่งในระบบที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก มาประจำการที่เกาหลีใต้ที่เป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักในเอเชียของสหรัฐ
       
       สหรัฐฯยืนกรานว่า โครงการขีปนาวุธพิสัยไกลของเกาหลีเหนือทำให้สิ่งนี้มีความจำเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่จีนและรัสเซียแย้งว่ามันจะบ่อนทำลายเสถียรภาพและอาจก่อให้เกิดการแข่งขันด้านอาวุธในภูมิภาคที่มีความสมดุลอย่างละเอียดอ่อนแห่งนี้
       
       “พันธมิตรเกาหลี-สหรัฐฯไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากใช้มาตรการป้องกันประเทศเช่นนี้ เนื่องจากเกาหลีเหนือทำการยั่วยุทางยุทธศาสตร์และกำลังปฏิเสธที่จะมีการเจรจาว่าด้วยการปลดอาวุธนิวเคลียร์”ยู เจซอง  กล่าวในการบรรยายสรุปร่วมกับ พล.ท.โทมัส แวลดอล ผู้บัญชาการกองทัพที่ 8 ของสหรัฐฯ ที่มีฐานในเกาหลีใต้
       
       พล.ท.โทมัส แวลดอล  ให้เหตุผลว่า “ถึงเวลาที่จะต้องเดินหน้าเรื่อง THAAD แล้ว และอ้างว่า แผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในเกาหลีใต้
       
       เกาหลีเหนือ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นยุทธวิธีสงครามเย็นเพื่อ “ยับยั้ง” จีนและรัสเซีย แต่ ยู เจซอง   เน้นย้ำว่าหากระบบ THAAD ถูกประจำการ มันจะถูกใช้ในกรณีเกี่ยวกับเกาหลีเหนือเท่านั้น

 

 

เกาหลีเหนือ กำลังใช้ความพยายามในการทดสอบเรื่องอาวุธมาอย่างต่อเนื่อง แม้หลายชาติเห็นว่าน่าจะเป็นเพียงแค่การข่มขู่เท่านั้น แต่ เพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะทั้งสองกำลังมองว่า เกาหลีเหนือกำลังรุกราน  และ ทั้งสองนั้นก็พร้อมที่จะตอบโต้หากเกิดเหตุไม่คาดคิด วันนี้สิ่งที่ต้องดูกันต่อคือ สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี จะร้อนแรงขึ้นหรือไม่ จะเป็นฉนวนเหตุ ให้สงครามเกาหลี ประทุขึ้นมาอีกครั้ง หรือไม่ ก็คงต้องติดตามกัน อย่ากระพริบตา

 

 

เรียบเรียงโดย สถาพร  สำนักข่าวทีนิวส์