"จอห์น แคร์รี"  ยอมรับ "สหรัฐฯ" เจอความท้าทายใหม่ จาก "ฟิลิปปินส์" แต่ยืนยัน ความสัมพันธ์ เหมือนเดิม

นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีหลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกรุงมะนิลาคนใหม่ของ นายซุง คิม อดีตทูตพิเศษด้านนโยบายนิวเคลียร์ต่อเกาห

นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีหลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกรุงมะนิลาคนใหม่ของ นายซุง คิม อดีตทูตพิเศษด้านนโยบายนิวเคลียร์ต่อเกาหลีเหนือ ว่าสหรัฐฯ ยังคงให้ความสำคัญอย่างสูงกับความสัมพันธ์อันยาวนาน แนบแน่นและราบรื่นระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์ ที่มีความมั่นคงและแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

นายจอห์น แคร์รี กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในฟิลิปปินส์นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสหรัฐฯ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและต้องประยุกต์ตัวเองให้สามารถอยู่กับความเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้ พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า อนาคตในความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง สนธิสัญญาการเป็นพันธมิตรที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2494 ยังคงเป็นพันธสัญญาที่ทั้งสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ยึดมั่นปฏิบัติตามจนถึงปัจจุบัน และแสดงความหวังว่าจะได้มีโอกาสเดินทางเยือนกรุงมะนิลาอีกครั้ง ก่อนหมดวาระรมว.กระทรวงการต่างประเทศอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนม.ค. ปีหน้า

 

 ตลอดการกล่าวถ้อยแถลงของ นายจอห์น แคร์รี ไม่มีการเอ่ยถึงชื่อของผู้นำฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน คือประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แม้แต่คำเดียว อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนการยอมรับของนักการทูตหมายเลข 1 ของสหรัฐ ว่าความสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับ ความท้าทายครั้งใหญ่  นับตั้งแต่ โรดริโก ดูเตอร์เต ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม และเข้าบริหารประเทศเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยผู้นำคนนี้ได้เดินหน้านโยบายถอยห่าง จากสหรัฐฯ ในหลายด้านที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงในทะเลจีนใต้ ที่ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศคู่พิพาทกับจีนด้วย

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์
ขอบคุณข้อมูลจาก Rappler