รู้หรือยัง สาวญี่ปุ่นคนนี้ "อายูมิ เอนโดะ" คือ ขวัญใจของ "ดูเตอร์เต" (ภาพ)

ถ้าพูดถึงผู้นำฟิลิปปินส์ "โรดริโก ดูเตอร์เต" ในเวลานี้ คงยากที่จะไม่มีใครรู้จัก กับความห้าวหาญ ที่ออกมาพาฟิลิปปินส์ ออกจากการเป็นประเทศที่ต้องอยู่ภายใต้การบงการของสหรัฐฯ แบบพลิกฝ่ามือ นอกจากนั้น ยังเป็นผู้นำที่มีฝีปากกล้า พูดจาโผงผาง ไม่กลัวใครทั้งนั้น แต่ในความแข็ง และ เกรี้ยวกราด ของเขาในสายตาคนทั่วไป แต่กลับมี ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มองเห็นความอ่อนโยน ของตัวผู้นำคนนี้ เธอคนนั้นคือ "อายูมิ เอนโดะ" ศิลปินสาวชาวญีปุ่นนั่นเอง  ซึ่งเธอผู้นี้ ได้วาดภาพสะท้อนความอ่อนโยนของผู้นำฟิลิปปินส์ จนได้รับการเชิญไปพบที่ทำเนียบประธานาธิบดี ในประเทศฟิลิปปินส์ มาเรียบร้อยแล้ว




 

    “อายูมิ เอนโดะ” เป็นสาวชาวญี่ปุ่นคนเดียวที่มีโอกาสใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตแห่งฟิลิปปินส์มากที่สุด เธอวาดภาพผู้นำฟิลิปปินส์ซึ่งคนทั้งโลกมองว่า “ปากเปราะเราะร้าย” ในมุมมองที่สวยงาม จนดูเตอร์เตได้เชิญเธอไปเยือนทำเนียบประธานาธิบดี และจุมพิตฝ่ามือของเธอเพื่อแสดงความขอบคุณ


    ผลงานของอายูมิ เอนโดะทำให้ชาวญี่ปุ่นและชาวฟิลิปปินส์มองเห็นความอ่อนโยนของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่หาญกล้าด่าสหรัฐฯเป็นประจำ รูปของดูเตอร์เตฝีมือของเธอแพร่หลายในโลกออนไลน์ และถูกดาวน์โหลดมากกว่า 5,000 ครั้งต่อวัน
       
       ดูเตอร์เตได้ถามศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นว่า “ทำไมคุณถึงสนับสนุนผม?” ซึ่งอายูมิตอบว่า “ฉันคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่รับฟังเสียงของประชาชน และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับฟิลิปปินส์”  




       ศิลปินสาวชาวเมืองโอซากา วัย 33 ปี ฝึกฝนการวาดภาพด้วยตัวเอง เธอได้เดินทางไปฟิลิปปินส์เมื่อปี 2015 และได้ยินชื่อ “ดูเตอร์เต” เป็นครั้งแรก เธอรู้จากเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ว่าดูเตอร์เตได้ตั้งสายด่วน 911 และช่วยเหลือชาวเมืองดาเวาอย่างมากมายในช่วงที่เป็นนายกเทศมนตรี จนกระทั่งได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เธอบอกว่า “ประทับใจ” ในตัวผู้นำฟิลิปปินส์จนถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานภาพเขียน

  “อายูมิ เอนโดะ” ไม่เพียงได้รับเชิญให้ไปพบดูเตอร์เตที่ทำเนียบประธานาธิบดี แต่เธอยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับในช่วงที่ผู้นำฟิลิปปินส์เดินทางเยือนญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาด้วย เธอจึงถือเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่มีโอกาสใกล้ชิดกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์มากที่สุด

   อย่างไรก็ตาม ศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นก็ไม่สนับสนุนนโยบายการฆ่าตัดตอนของดูเตอร์เต ที่ได้สังหารผู้ค้ายาเสพติดไปแล้วมากกว่า 3,000 คนโดยไม่ได้ผ่านการพิพากษาของศาล แต่เธอก็เชื่อว่า ในอนาคตดูเตอร์เตอาจเปลี่ยนแปลงสังคมของฟิลิปปินส์ที่เต็มไปด้วยเจ้าพ่อมาเฟียที่ใช้เงินและอำนาจสั่งฆ่าใครก็ได้ และยืนเคียงข้างประชาชนชาวฟิลิปปินส์อย่างแท้จริง”




เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์