- 17 พ.ย. 2559
การขอความร่วมมือกับประเทศเหล่านั้นเพื่อขอให้ส่งตัวคนทำผิดกลับมานั้น ที่ผ่านมาเราทำมาตลอด เป็น 10 ปีแล้วและจะทำต่อไป แต่สิ่งที่เราทำได้และยังมีโอกาสเป็นไปได้คือการทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหว อย่างประเทศนิวซ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการติดตามตัวผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112 ในต่างประเทศว่า ได้หารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว แนวคิดในการขอความร่วมมือกับต่างประเทศเพราะหากใช้การบังคับทางกฎหมายอาจทำไม่ได้เนื่องจากกฎหมายแต่ละประเทศต่างกัน จึงใช้วิธีการขอความร่วมมือซึ่งมี 2 กรณี คือ เราเอาตัวเขากลับมาก็จบ และการไม่นำตัวกลับ แต่ทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหว
“การขอความร่วมมือกับประเทศเหล่านั้นเพื่อขอให้ส่งตัวคนทำผิดกลับมานั้น ที่ผ่านมาเราทำมาตลอด เป็น 10 ปีแล้วและจะทำต่อไป แต่สิ่งที่เราทำได้และยังมีโอกาสเป็นไปได้คือการทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหว อย่างประเทศนิวซีแลนด์ก็ดำเนินการช่วยเหลือเราอยู่ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีขึ้น”
พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับสถานทูตก็พยายามหาวิธีและขอข้อมูลไปเพื่อเร่งจัดการเรื่องนี้เป็นการภายในเพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งทูตของไทยในหลายประเทศจะใช้แนวทางนี้เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พยายามบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น การขอลี้ภัยในต่างประเทศเราก็พยายามให้ข้อมูลใหม่กับประเทศต้นทางอีกด้านหนึ่งเพื่อให้เขาพิจารณาเพิ่มเติมซึ่งถือเป็นเรื่องทางกฎหมาย และเน้นขอความร่วมมือเรื่องดังกล่าวไปด้วยอีกทางหนึ่ง
นอกจากนั้น พล.อ.ไพบูลย์ ยังยืนยันว่ารัฐบาลพยายามขอตัวผู้กระทำผิด กลับมาแม้อาจเป็นเรื่องที่ยากเพราะเป็นเรื่องกฎหมายภายในประเทศที่ยากต่อการไปละเมิดอธิปไตย แต่รัฐบาลกำลังดูว่าใครที่ไปหาประโยชน์จากการลี้ภัยทั้งทางการเมืองและการไม่ได้รับความยุติธรรมในประเทศไทย ซึ่งเราก็พยายามสอบถามไปเพื่อทำข้อมูลทักท้วงไป แต่จะได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เกือบทุกประเทศให้ความร่วมมือทั้งนั้น พบว่านิ่งลงไปเยอะแล้ว เห็นได้จากสื่อโซเชียลมีเดียที่เขาใช้เป็นช่องทางเคลื่อนไหว เราก็พอใจในภาพรวมแต่ไม่ก็ยังไม่พอใจมากนักเพราะปัญหายังไม่หมดไป
ซึ่งถ้าตามที่ พล.อ.ไพบูลย์ ได้พูดนั้น และ ต่างประเทศให้ความร่วมมือจริง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ที่จะนำบุคคลเหล่านั้นกลับมารับโทษ ซึ่งปัจจุบันนี้ กลุ่มคนเหล่านี้ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ แบ่งได้ดังนี้
สหรัฐอเมริกา : 7 ราย
1.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน ดีเจวิทยุออนไลน์ มหาวิทยาลัยประชาชน
2.เสน่ห์ ถิ่นแสน หรือ เพียงดิน รักไทย ประธานภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนแกนนำมหาวิทยาลัยประชาชน
3.มนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ประธานบอร์ดภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนแกนนำมหาวิทยาลัยประชาชน
4.ริชาร์ด สายสมร หรือ “อเมริลาว” ดีเจวิทยุออนไลน์
5.จุติเทพ (เลอพงษ์) วิไชยคำมาตย์ หรือ “โจ กอร์ดอน” ดีเจวิทยุออนไลน์
6.พิษณุ พรหมศร หรือ “แอนดี้” ดีเจวิทยุออนไลน์
7.สุดา รังกุพันธุ์ หรือ “อาจารย์หวาน” แกนนำกลุ่มไผ่แดง
ออสเตรเลีย : 1 ราย
องอาจ ธนกมลนันท์ หรือ “อาคม ซิดนีย์” ดีเจวิทยุออนไลน์
ญี่ปุ่น : 1 ราย
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ
ฝรั่งเศส : 3 ราย
1.จรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ประสานงานองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
2.ศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ”
3.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการอิสระ
นิวซีแลนด์ : 1 ราย
เอกภาพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ
ฟินแลนด์ : 1 ราย
จรรยา ยิ้มประเสริฐ เอ็นจีโอด้านสิทธิมนุษยชน
สวีเดน : 1 ราย
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
เดนมาร์ก : 1 ราย
“โด่ง” อรรถชัย อนันตเมฆ แกนนำแดงอิสระ
กัมพูชา : 2 ราย
1.จักรภพ เพ็ญแข ผู้ประสานงานองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
2.วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋ เรดการ์ด” แกนนำแดงวิทยุชุมชนปทุมธานี
ลาว : 6 ราย
1.สุรชัย แซ่ด่าน แกนนำแดงสยาม
2.วัฒน์ วรรลยางกูร อดีตเลขาธิการเครือข่ายเดือนตุลา
3.นิธิวัต วรรณศิริ แกนนำเครือข่ายเสรีราษฎร
4.ชฤต โยนกนาคพันธุ์ หรือ “โยนก ไฟเย็น”
5.ชัยอนันต์ ไผ่สีทอง หรือ “อุ๊ ไฟเย็น”
6.ไตรรงค์ สินสืบวงศ์ หรือ “ขุนทอง ไฟเย็น”
ซึ่งที่ผ่านมานั้นกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้พยายามประสานไปยังประเทศเหล่านั้นเพื่อติดตามตัว แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ถ้าจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ไพบูลย์ ที่ลงมาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราก็อาจจะมีความหวังขึ้นมาบ้างว่า จะขจัดบุคคลอันน่ารังเกียจ เหล่านี้ได้สักที
เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์