ประชาธิปไตยเบ่งบาน!!!  ประท้วงต่อต้าน "ทรัมป์" ลุกลามถึง ฝรั่งเศส

การประท้วง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลุกลามถึงประเทศฝรั่งเศส โดยที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวงของฝรั่งเศส ไม่ไกลจากที่ตั้งของหอไอเฟล

สำนักข่าว เอพี ได้รายงานการประท้วง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลุกลามถึงประเทศฝรั่งเศส โดยที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวงของฝรั่งเศส ไม่ไกลจากที่ตั้งของหอไอเฟล โดยมีชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสเข้าร่วมด้วยจำนวนหนึ่ง และผู้เข้าร่วมการประท้วงต่างมีการชูป้ายที่มีข้อความต่อต้าน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่หลากหลาย รวมถึง ป้ายที่มีข้อความว่า "Paris against Trump." และข้อความอื่นๆ ที่มีเนื้อหาต่อต้านการเหยียดสีผิว การดูหมิ่นสตรีเพศ การต่อต้านลัทธิเกลียดกลัวอิสลาม เรื่อยไปจนถึงการต่อต้านขบวนการชาตินิยมของพวกคนผิวขาวหัวสุดโต่ง
       
     

 ยูสเซฟ อัล-มูกราบี นักศึกษาชาวอเมริกันในกรุงปารีส ซึ่งเกิดที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียเผยต่อเอพีว่า การประท้วงของพวกเขาไม่ได้พุ่งเป้าประท้วงไปที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่อย่างใด แต่พวกเขาเชื่อว่า ในทุกๆความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์นั้นจะต้องมีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งพวกเขาขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
       
       การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของอเมริกา ที่จบลงด้วยชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ที่ชนะ นางฮิลลารี คลินตัน จากฟากฝั่งเดโมแครต ในแบบที่ทำเอาทั่วทั้งโลกตกตะลึงไปตามกัน
       
       ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ออกมาระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนน “Popular vote”หรือคะแนนโหวตจากเสียงจริงของประชาชน 59.1 ล้านเสียง น้อยกว่านางฮิลลารี คลินตันที่ได้ 59.29 ล้านเสียง แต่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเป็นฝ่ายเข้าป้ายได้ตั๋วสู่ทำเนียบขาวแบบหน้าตาเฉยด้วยข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญอเมริกันที่ระบุ ให้ยึดถือคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ที่มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 538 คนซึ่งมาจากตัวแทนตามจำนวนเขตการปกครอง 438 คนบวกกับวุฒิสภา 100 คน
       
       

ผลการเลือกตั้งที่ออกมาเมื่อวันที่  8 พฤศจิกายน ส่งผลให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมาครองได้ถึง 276 เสียง (ฮิลลารีได้ 218 เสียง) เขาเลยได้กลายเป็น “ว่าที่”ประธานาธิบดีคนใหม่ และจะได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันภายหลังการเข้าทำพิธีสาบานตน วันที่ 20 มกราคม ปี 2017
       
       อย่างไรก็ดี หนทางสู่ทำเนียบขาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนจะมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้เขาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฏหมายเนื่องจากชัยชนะของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดกระแสความไม่พอใจ ของชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะบรรดาผู้สนับสนุนของ นางฮิลลารี คลินตัน ที่ต่างออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในหลายเมืองใหญ่ทั่วอเมริกา แสดงพลังเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฏกติกาการเลือกตั้งใหม่ โดยให้ผู้ชนะคะแนน Popular vote ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายได้เข้าสู่ทำเนียบขาวแทน
       
       โดยกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากต่างพากันเดินชูป้าย ที่มีเนื้อหาว่า “ทรัมป์มิใช่ประธานาธิบดีของฉัน” (NOT MY PRESIDENT) และอีกหลากหลายข้อความ ที่มีเนื้อหาชี้ให้เห็นถึง “รูโหว่ของประชาธิปไตยสไตล์อเมริกัน” ที่มองข้ามความสำคัญของเสียงโหวตจากประชาชนที่สมควรจะถือเป็น “เสียงสวรรค์” ในการตัดสินผลการเลือกตั้ง แทนที่จะเป็นการปล่อยให้ผู้แพ้คะแนน Popular vote เป็นฝ่ายชนะแบบค้านสายตาเฉกเช่นเดียวกับการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯสุดอื้อฉาวอีก 4 ครั้งในปีค.ศ.1824 , 1876, 1888, และการเลือกตั้งเมื่อปี 2000

 

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์
ภาพโดย AP