"มหามิตรอันชิดใกล้"  สายสัมพันธไมตรี ราชวงศ์จักรี ของไทย กับ ราชวงศ์โบลเกียห์ ของบรูไน แนบแน่นดุจดั่งพี่น้อง

บรูไนถือเป็นประเทศที่ยังใหม่เนื่องจากได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อ 32 ปีที่แล้ว แต่สัมพันธความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบรูไนถือว่าอยู่ในระดับมั่นคงและราบรื่นในทุกด้าน โดยไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต

บรูไนถือเป็นประเทศที่ยังใหม่เนื่องจากได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อ 32 ปีที่แล้ว แต่สัมพันธความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบรูไนถือว่าอยู่ในระดับมั่นคงและราบรื่นในทุกด้าน โดยไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรูไนเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2527 ซึ่งเป็นวันที่บรูไนสถาปนาประเทศเป็นรัฐเอกราชอย่างเป็นทางการ  ขณะที่สายสัมพันธไมตรีระหว่างราชวงศ์จักรีของไทยกับราชวงศ์โบลเกียห์ของบรูไน มีความแนบแน่นเป็นอย่างยิ่ง

 

"มหามิตรอันชิดใกล้"  สายสัมพันธไมตรี ราชวงศ์จักรี ของไทย กับ ราชวงศ์โบลเกียห์ ของบรูไน แนบแน่นดุจดั่งพี่น้อง

 

 

สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดีน วัดเดาละห์ แห่งบรูไน เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อเดือนส.ค. 2545 ตามคำเชิญของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อมาในเดือนมิ.ย. 2549 พระองค์เสด็จเยือนไทยอีกครั้งเพื่อทรงเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยพระองค์ทรงทำหน้าที่ผู้แทนของพระราชอาคันตุกะจาก 29 ประเทศ ในการมีพระราชดำรัสถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

หลังจากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนเสด็จเยือนไทยอีกหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นการเสด็จเพื่อทรงเข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการเมือง การค้าและความมั่นคง เนื่องจากพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐบาลของบรูไน ที่รวมถึงนายกรัฐมนตรี รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และรมว.กระทรวงกลาโหม โดยสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่างไทยกับบรูไนเป็นไปด้วยดีมาตลอด

 

 

"มหามิตรอันชิดใกล้"  สายสัมพันธไมตรี ราชวงศ์จักรี ของไทย กับ ราชวงศ์โบลเกียห์ ของบรูไน แนบแน่นดุจดั่งพี่น้อง

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนเสด็จเยือนไทยเพื่อทรงเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมิ.ย. 2555 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จออก ณ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงรับพระราชอาคันตุกะจากบรูไน
 

การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ยังความเสียพระราชหฤทัยอย่างหาที่สุดมิได้ให้แก่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีซาเลฮา พระราชชายา ซึ่งทรงมีพระราชสาส์นมายังปวงชนชาวไทยด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งอุทิศช่วงเวลาตลอดพระชนม์ชีพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพสกนิกรในประเทศ

ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารอันร่มเย็นของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของไทยมีความเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าไปในทางที่ดีขึ้นด้วยผลจากพระราชกรณียกิจนานัปการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระราชปณิธานของพระองค์จะไม่เพียงแต่อยู่ในความทรงจำของชาวไทยชั่วนิรันดร์เท่านั้น ประชาคมโลกจะร่วมกันจดจำพระองค์ตลอดไปเช่นกัน 

 

 

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์