พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เพราะพระองค์คิดถึงพสกนิกรของพระองค์ จึงมี "ฟาร์มโคนม ไทย - เดนมาร์ก เพื่อพสกนิกร"

สายสัมพันธไมตรีระหว่างราชวงศ์ไทยกับเดนมาร์กมีความมั่นคงและยาวนานกว่า 150 ปี และหนึ่งในความร่วมมืออันยั่งยืนจนถึงปัจจุบันคือโครงการฟาร์มโคนม "ไทย-เดนมาร์ก"

สายสัมพันธไมตรีระหว่างราชวงศ์ไทยกับเดนมาร์กมีความมั่นคงและยาวนานกว่า 150 ปี และหนึ่งในความร่วมมืออันยั่งยืนจนถึงปัจจุบันคือโครงการฟาร์มโคนม "ไทย-เดนมาร์ก"  สายสัมพันธไมตรีระหว่างราชวงศ์ไทยกับราชวงศ์เดนมาร์กเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2401 จากการทรงลงพระปรมาภิไธยร่วมกันใน “สนธิสัญญาสันถวไมตรี การค้าและการเดินเรือ” ระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 7 แห่งเดนมาร์ก กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

 

         ต่อมาในปี 2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเยือนกรุงโคเปนเฮเกนอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเสด็จเยือนในเวลานั้นเป็นหนึ่งในพระราชกุศโลบายทางการเมืองอันแยบยลของพระองค์  ในการทรงสร้างความสมดุลทางอำนาจกับอิทธิพลของจักรวรรดินิยมตะวันตก

 

      หลังจากนั้นในเดือนก.ย. 2503 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนเดนมาร์กอย่างเป็นทางการ ในฐานะทรงเป็นพระราชอาคันตุกะของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 9 และสมเด็จพระราชินีอิงกริด   นับจากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ของไทยและเดนมาร์กต่างเสด็จเยือนไปมาหาสู่กันและเพื่อทรงเป็นการกระชับสายสัมพันธไมตรีให้มีความแน่นแฟ้นเรื่องมา โดยสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 และเจ้าชายเฮนริก พระราชสวามี เสด็จเยือนไทยครั้งล่าสุดเมื่อปี 2544 ขณะที่เจ้าชายเฮนริกเสด็จเยือนไทยอีกครั้งเมื่อเดือนมิ.ย.2549 เพื่อทรงเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

 

 

        พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เพราะพระองค์คิดถึงพสกนิกรของพระองค์ จึงมี "ฟาร์มโคนม ไทย - เดนมาร์ก เพื่อพสกนิกร"

พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เพราะพระองค์คิดถึงพสกนิกรของพระองค์ จึงมี "ฟาร์มโคนม ไทย - เดนมาร์ก เพื่อพสกนิกร"

 ด้านเจ้าชายเฟรเดอริกและเจ้าหญิงแมรี มกุฎราชกุมารและมกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก เสด็จเยือนไทยเมื่อปี 2551 เนื่องในวาระครบรอบ 150 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ และในฐานะทรงเป็นพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  ซึ่งพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เจ้าชายและเจ้าหญิงจากเดนมาร์กเข้าเฝ้าฯที่พระราชวังไกลกังวล   อนึ่ง ย้อนกลับไปในช่วงเมื่อครั้งเสด็จเยือนเดนมาร์กเมื่อปี 2503 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีโอกาสเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชมและทอดพระเนตรกิจการโคนมของเดนมาร์ก ซึ่งพระองค์ทรงมีความสนพระราชหฤทัยในเรื่องดังกล่าวอย่างยิ่ง เนื่องจากเคยตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ไปทอดพระเนตรโรงงานผลิตนมข้นของบริษัทเนสท์เล ขณะยังประทับอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2478 พระองค์จึงทรงมีแนวพระราชดำริในการจัดตั้งฟาร์มโคนมอย่างจริงจังในไทย เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้ดื่มนมมากขึ้น

             พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เพราะพระองค์คิดถึงพสกนิกรของพระองค์ จึงมี "ฟาร์มโคนม ไทย - เดนมาร์ก เพื่อพสกนิกร"

 หลังจากนั้นพระองค์เสด็จนิวัติพระนคร และต่อมาในปี 2504 รัฐบาลเดนมาร์กส่งคณะผู้เชี่ยวชาญเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อสำรวจพื้นที่การจัดตั้งฟาร์มโคนม และได้สถานที่เป็นอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และมีการลงนามร่วมกันในข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาและส่งเสริมวิชาการเลี้ยงโคนมระหว่างสองประเทศ โดยรัฐบาลเดนมาร์กทูลเกล้าฯถวายเงินสนับสนุนจำนวนหนึ่ง และน้อมเกล้าฯถวายพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์วัวรวมถึงอุปกรณ์สำหรับผลิตนมในโรงงาน แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   เพื่อทรงร่วมกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ก ที่อำเภอมวกเหล็กและรัฐบาลไทยได้กำหนดให้วันที่ 17 ม.ค.ของทุกปีเป็น “วันโคนมแห่งชาติ” จนถึงปัจจุบัน

 

พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เพราะพระองค์คิดถึงพสกนิกรของพระองค์ จึงมี "ฟาร์มโคนม ไทย - เดนมาร์ก เพื่อพสกนิกร"

 

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์