"รุ้งหมอก" ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ใคร ๆ ก็อยากเห็น

ช่างภาพชาวอังกฤษที่ชื่อเมลวิน นิโคลสัน จากเมืองเปรสตัน มณฑลแลงคาเชอร์ ในประเทศอังกฤษ โพสต์ภาพที่เขาถ่ายได้จากทุ่ง Rannoch ในประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน ลงในทวิตเตอร์ @mnphotoworkshop ปรากฏเป็นภาพรุ้งสีขาว (White Rainbow) ทาบอยู่เหนือต้นไม้ ท่ามกลางหิมะขาวโพลน สร้างความฮือฮาให้กับโลกสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงสื่อกระแสหลักอย่าง ABC News, BBC, The Telegraph ที่ต่างก็นำภาพไปนำเสนออย่างต่อเนื่อง

 

จากการค้นหาข้อมูล ปรากฎการณ์ดังกล่าวเรียกว่า รุ้งหมอก (Fogbow) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นจากการสะท้อนแสง ซึ่งมีความไกล้เคียงกับการเกิด รุ้งกินน้ำ แต่มีรายละเอียดปลีกย่อนที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งความงามที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

รายละเอียดเกี่ยวกับการเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติ รุ้งหมอก

รุ้งหมอก เกิดจากการสะท้อนแสง ซึ่งได้ทั้งจากแสงอาทิตย์ และแสงที่สร้างโดยมนุษย์ โดยจะต้องมีเงือนไขดังนี้

ละอองน้ำในอากาศ จะต้องมีขนาดเล็กกว่า 0.05 มิลลิเมตร (ซึ่งละอองน้ำขนาดนี้จะเล็กกว่าละอองน้ำที่ทำเกิด รุ้งกินน้ำ)

ผู้ที่จะเห็นรุ้งหมอกได้ จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ แสงสาดมาจากด้านหลัง และด้านหน้าเป็นกลุ่มหมอก หรือเมฆที่มีละอองขนาดเล็กพื้นหลังต้องโปร่งโล่ง โดยมุมมองของผู้เห็นจะต้องมองกดลง(คือผู้เห็นจะต้องอยู่สูงกว่าแหล่งกำเนิดแสง และกลุ่มหมอก)

ถ้าพระอาทิตย์อยู่ในแนวค่อนข้างราบ จะมีโอกาสเกิด รุ้งหมอกได้สูงขึ้น

 

 

ลักษณะทางกายภาพ ของ รุ้งหมอก

เนื่องจากละอองน้ำมีขนาดเล็กทำให้สีของรุ้งหมอก ค่อนข้างจางไม่ชัดเจน เหมือนกับ รุ้งกินน้ำ

ในกรณีที่ละอองน้ำมีขนาดเล็กมากๆ จะทำให้รุ้งหมอก มีสีขาวอย่างเดียว ทำให้บางครั้งมีการเรียกรุ้งหมอกว่า รุ้งสีขาว(White bow)

ในกรณีที่ละอองน้ำมีขนาดสม่ำเสมอกันมากๆ จะทำให้เกิดรุ้งหมอก หลายวงซ้อนกันเข้าสู่ด้านในจุดศูนย์กลาง

รุ้งหมอกที่เกิดขึ้นหลายวงซ้อนกัน วงด้านในจะมีสีเข้มกว่า วงด้านนอก

รุ้งหมอกจะมีสีแดงอยู่ด้านนอก และสีน้ำเิงินอยู่ด้านใน

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์